วันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2565

🤗สำหรับคนที่ยังเหยียบเรือสองแคมก็แล้วแต่จริต เพราะเราไม่สามารถทำให้ใครไปทางตรงกับเราได้ก็ต้องรอไปตื่นรู้ทีหลัง รอคิวแต่ละภพชาติไป เพราะถ้ายังยืดติดศัทราในความเชื่อเก่าของบรรพบุรุษอยู่ ก็วนเวียนถูกขังอยู่ใน โฮโลแกรม แค่โลกมิติที่ 3 - 4 อยู่แบบนั้น ไม่ไปมิติที่ 5 หรือสูงกว่านั้นก็แล้วแต่จริตของแต่ละคน

 See >>>

https://www.facebook.com/100075867212307/posts/121318160407091/

สำหรับคนที่ยังเหยียบเรือสองแคมก็แล้วแต่จริต เพราะเราไม่สามารถทำให้ใครไปทางตรงกับเราได้ก็ต้องรอไปตื่นรู้ทีหลัง รอคิวแต่ละภพชาติไป เพราะถ้ายังยืดติดศัทราในความเชื่อเก่าของบรรพบุรุษอยู่ ก็วนเวียนถูกขังอยู่ใน โฮโลแกรม แค่โลกมิติที่ 3 - 4 อยู่แบบนั้น ไม่ไปมิติที่ 5 หรือสูงกว่านั้นก็แล้วแต่จริตของแต่ละคน  


  ศาสนาทุกศาสนา แม้จะสอนดียังไงก็คือเครื่องมือของฝ่ายมืด  ..ก่อนโลกกำเนิดเราไม่มีศาสนา ศาสนามีมาทีหลังไม่กี่พันปีมานี้นี่เอง ศาสนาทำให้คนแตกแยกคิดว่าศาสนาของตนเองดี เหยียดคนต่างศาสนา เหยียดคนไม่มีศาสนา 


  ทำให้คนมีอีโก้สูง และต้องกราบไว้บูชาเหยียดสตรีเพศ ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในสังคม สมัยศาสดา หญิงบวชได้สมัยนี้เป็นได้แค่ชี ห้ามนั่งหน้าเหนือผู้ชาย สมัยศาสดาไม่มีการเรียนภาษาสันสกฤต บาลีแข่งชั้นตรี โท เอกอะไรให้ยุ่งยากทั้งนั้น มีแต่ทำสมาธิดูลมหายใจเข้าออกง่าย ๆ สบาย ๆ


  ปฏิโมกข์มาทีหลังยุคศาสดา และทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนปฏิโมกข์ก็เปลี่ยนคำสอนเปลี่ยนนิกายที มีเรื่องเงินมาเกี่ยวข้อง พระมีเงินเดือนมียศมีศักดิ์ ทำให้ผู้บวชเกิดกิเลส สมัยก่อนพระไม่มียศ และเท่าเทียมกัน เดินไปบิณฑบาตแค่พออิ่ม การบวชก็ไม่จัดงานเลี้ยงฆ่าหมู ไก่ เหล้าเพื่อแข่งรวยใส่ทองให้นาคแบบยุคนี้ คัมภีร์เปลี่ยนตลอดไม่รู้ใครเขียนจริงไม่จริงก็มั่วกันไปหมดหลายเล่ม แต่คนก็เชื่อจนสุดใจแม้ไม่ได้พิสุจน์ด้วยตนเองก็ตาม


  ศาสดาคือคนธรรมดาแบบเราแค่เป็นลูกกษัตริย์ พอออกนอกวังไปเห็นคนจน คนแก่ คนเจ็บ คนตาย ทำไมไม่สุขสบายเหมือนตนเอง เลยเข้าป่าค้นหาความจริง ทดสอบทุกอย่างแต่ก็ไม่สำเร็จ อดข้าวก็แล้ว ทรมานตนเองก็แล้ว 


  เลยหาวิธีใหม่ อาบน้ำทานข้าว ทำจิตให้สดชื่น นั่งทำสมาธิใต้ต้นไม้สบาย ๆ สังเกตุลมหายใจเข้าออกแค่นั้น ไม่มีพิธีไม่มีการสวดมนต์ ทำไปหลายวัน ก็เกิดประสบการณ์การตื่นรู้ หรือเขาเรียกการตรัสรู้ เห็นอดีตตนเอง เลยไปบอกวิธีการปฎิบัติต่อผู้อื่นไปทั่วโลกก็เท่านั้น     


   ศาสดาท่านไม่ได้บอกให้ใครต้องเคารพเทวรูปเคารพ ไม่ได้ให้ต้องเชื่อท่านทุกอย่าง เพราะท่านรู้ต่อไปข้างหน้าจะมีการเปลี่ยนแปลงคำสอน แยกนิกายและคนจะคลั่งแต่เคารพบูชาเทวรูปเคารพแทน ท่านก็คนธรรมดาเหมือนเรา เราก็เป็นพระเจ้าแบบศาสดาของเราได้ วัดสมัยนี้มีแต่พุทธพาณิชย์เป็นส่วนมาก แต่ไม่ได้เหมารวม พระดีก็มี แต่บางรูปตื่นรู้ก็เข้าป่าหมดก็มี


   ตอนนี้ศาสดาท่านรู้แล้วว่าเหนือนิพพานยังมี 144 โลกคู่ขนาน เพราะตอนนั้นศาสดาท่านก็โดนโปรแกรมของฝ่ายมืดครอบงำเช่นกันให้เชื่อว่ามีนรก สวรรค์ ทั้งที่นรก  สวรรค์คือโฮโลแกรมของฝ่ายมืดเช่นกัน ยมฑูตก็เป็นมนุษย์ต่างดาวฝ่ายมืดแปลงกายมาตัดสินมนุษย์ว่าใครจะไปนรก สวรรค์แล้วบูชาซาตาน ซาตานก็ดูดเอาพลังความถี่ต่ำจากพวกที่ไปนรก ดูดความถี่สูงของคนที่ไปสวรรค์ ส่วนนิพพานก็จะนิ่งสงบอย่างเดียวไม่สร้างสรรค์ 


  ในความเป็นจริงเราจะนิ่งสงบอย่างเดียวไม่ได้ เพราะจะไม่เกิดการสร้างสรรค์พัฒนา หรือการแก้ปัญหาทั้งในจักรวาลและดาวเคราะห์โลกที่ต้องการความช่วยเหลือและแก้ไข จักรวาลไม่มีศาสนา ศักดินา หรือการแบ่งแยก มีแต่ความเป็นหนึ่งเดียว มีแต่ความเท่าเทียมกันในทุกสรรพสิ่ง เชื่อและศัทราในตนเอง เพราะทุกคนคือพระเจ้า 


  แค่เราได้ฝึกจิตสำนึกให้ดี ด้วยความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ความเมตตาผู้อื่น ไม่แข่งขันต่อสู้ทำสงครามกันอีกต่อไป มีอะไรก็แบ่งปันช่วยเหลือกัน หาจิตวิญญาณที่ศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงของตนเองให้เจอด้วยการทำสมาธิส่งฮิว ( HU ) ถึงจักรวาลกันเถอะ 😘 ฮิวววว... 😍❤

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น