See >>>
https://www.facebook.com/100001757048699/posts/pfbid0qgaH9rwoRWuiX51Jj9cema2ioZFatQbnoZtCHVBPSraR9QVfXv9QRXd8EGbyLuATl/?mibextid=Nif5oz
คนไทยทุกคนต้องเรียนรู้..!!
ก่อนเข้าสู่ยุค “สังคมโลกไร้เงินสด”
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
E-money vs CBDC ต่างกันอย่างไร..?!
ล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทย หรือธปท. เริ่มมีการทดลองใช้ CBDC ในบางพื้นที่ของประเทศไทย ทำให้หลายคนเริ่มเกิดข้อสงสัยแล้วว่า CBDC คืออะไรกันแน่ แล้วทำไมต้องมีบทบาทสำคัญในประเทศไทยด้วย ทั้งๆที่ปัจจุบันเราก็มีเงินสดอยู่แล้ว หรือถ้าจะโอนเงินผ่านธนาคารหรือซื้อของออนไลน์ก็ใช้ E-money ก็ได้ ?
CBDC คืออะไร ?
ก่อนจะรู้ถึงความจำเป็น เรามารู้จัก CBDC กันก่อน หรือเรียกว่า Central Bank Digital Currency เป็น “สกุลเงินบาทดิจิทัล” ที่ออกโดยธนาคารกลางของประเทศไทย มีลักษณะการใช้งานคล้ายๆ กับ E-money แต่ต่างแตกต่างกันตรงที่ CBDC จะมีการนำเทคโนโลยี Blockchain เข้ามาใช้ และออกโดยธนาคารกลางแต่เพียงผู้เดียว
ความแตกต่างระหว่าง E-money และ CBDC
อย่างที่เกริ่นไป CBDC จะออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทยที่มีความน่าเชื่อสูงสุดในประเทศ แต่ E-money จะถูกออกโดยธนาคารภาคเอกชน เช่น SCB TTB หรือ KBANK เป็นต้น
ทำให้ข้อมูลการใช้งานทางการเงินของผู้ใช้ต้องแยกจากกัน หากใครมีบัญชีในหลายธนาคารก็อาจจะต้องเสียเวลาในการดำเนินการต่างๆ มากขึ้น นอกจากนี้ความน่าเชื่อถือของ E-money ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคารด้วย หากเกิดปัญหาใดๆ กับธนาคารนั้นๆ ก็อาจส่งผลกระทบต่อ E-money ที่เราเก็บไว้กับธนาคารนั้นๆ ได้
แต่หากเปลี่ยนเป็น CBDC ความน่าเชื่อถือด้านเครดิต และความปลอดภัยจะมากขึ้นทันที เพราะมีธนาคารแห่งประเทศไทย และรัฐบาลเป็นผู้กำกับดูแล ความเสี่ยงต่างๆ จึงต่ำมากเมื่อเทียบกับผู้ออกภาคเอกชนอื่นๆ
อีกทั้งเวลาจะทำการกู้เงินก็สามารถทำได้ง่ายขึ้น สะดวกต่อการตรวจสอบ ลดต้นทุนด้านการผลิตเงิดสด และยังสามารถยกระดับ GDP หรือเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศให้ไวขึ้นได้ด้วย (สกุลเงินดิจิทัลมีการเปลี่ยนมือง่ายกว่าเงินกระดาษ)
แล้วในอนาคต “เงินสด” ยังจำเป็นอยู่มั้ย ?
ต้องบอกเลยว่า แม้ CBDC จะมีต้นทุนดีกว่าเงินสด และประโยชน์มากกว่า E-money ในทุกๆด้าน แต่ด้วยพฤติกรรมของผู้ใช้เงินนั้นมีความหลากหลาย บางคนอาจจะไม่คุ้นชินกับเทคโนโลยี หรือบางคนอาจจะต้องการปกปิดตัวตนในการทำธุรกรรม การที่ CBDC จะมาแทนการเงินรูปแบบอื่นๆ ได้อย่างสมบูรณ์นั้นจึงมีโอกาสน้อยมาก(ทัศนะส่วนตัว)
ดังนั้น CBDC จึงกลายเป็นทางเลือกใหม่แห่งวงการการเงินมากกว่าที่จะมา Disrupt รูปแบบเงินเก่าทั้งหมดออกไป ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการใช้งานและความสะดวกใจของแต่ละคนด้วยกันนั้นเอง
โดยปัจจุบันมีหลากหลายประเทศเริ่มศึกษา และพัฒนา CBDC เข้ามาใช้งานแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ไทย จีน ญี่ปุ่น เกาหลี อังกฤษ ไนจีเรีย จาไมกา เนวิส เกรเนดา บาฮามาส แอนติกา หรือบาร์บูดา เป็นต้น
==========================
ขอบคุณที่มา
#Digitonize #AssetWise
**เชื่อว่าอนาคตอันใกล้ คนไทยจะมี ทั้ง 2 แอพพลิเคชันนี้ในมือถือทุกคน**
#Ttango17Q
Q9 June 2Q23
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น