See >>>
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=4357498104318715&id=100001757048699
เมื่อปิดระบบเงินที่ไม่มีหลักประกัน
เงินทั้งหมดจะหายไปจากระบบธนาคาร..!!
หากย้อนหลังไปตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 ในวงการธนาคารเริ่มมีการโอนเงินข้ามประเทศจำนวนมหาศาลและออกตั๋วเงินมากมาย
ในการนำเงินนอกระบบที่เรียกว่า Heritage Funds ออกมาใช้หากไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของแล้วก็คือเงินมี่ไม่ถูกต้องไม่สามารถเข้าระบบได้
ในการเอาเงินออกเพราะหาเจ้าของเงินไม่เจอ แต่มีการฉ้อฉลโดยหมกเม็ดจากผู้มีอำนาจของธนาคารนักการเมืองและรัฐบาลหรือประมุขบางประเทศด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ร่วมมือกัน
ตอนนี้กำลังเข้าสู่ความเข้มข้นของการเปลี่ยนแปลงการเงินโลก ปลายปีนี้จะเห็นความเคลื่อนไหวความปั่นป่วนของธนาคารทั่วโลก
และชัดเจนต้นปีหน้าจะมีธนาคารล้มจำนวนมาก เพราะเจ้าของเงินตัวจริงจะปิดระบบให้เสร็จภายใน 3 เดือนนี้
นี่ถือเป็นการสิ้นสุดของระบบการเงินเก่า หรือที่รู้จักกันในชื่อ GCR ที่ย่อมาจาก Global Currency Reset
และเปลี่ยนมาใช้ระบบการเงินดิจิตอล QFS ในการทำธุรกรรมต่างๆ ทั่วโลก บนระบบ Ripple XRP ซึ่งใช้เทคโนโลยี Blockchain ที่ได้รับมีมาตรฐาน ISO 20022
ทำให้การโอนเงินระหว่างประเทศมีความรวดเร็ว ปลอดภัย และตรวจสอบได้แบบ Real Time
ปรากฏการณ์โดมิโน่ของระบบการเงินการธนาคาร
หลังจากระบบการเงินเก่าสิ้นสุดลง จะมีธนาคารฟ้องร้องกันเองระหว่างประเทศมากมาย
เพราะสิ่งที่เป็นหลักประกันเดิม(ที่แอบออกตั๋วนำไปใช้กันโดยพละการโดยเจ้าของที่แท้จริงไม่ยินยอม)จะหายไปจากระบบ เหลือเพียงแต่ตัวเลขที่ไม่มีหลักประกัน
และแน่นอน ที่เขาไม่ได้เพราะเงินเหล่านี้มีรหัสควบคุม มีองค์กรคุมเป็นชั้นๆ ถึงแม้ว่าองค์กรระดับล่างจะอนุญาตหมดแล้วแต่เจ้าของเงินที่อยูระดับยอดสุดไม่อนุญาตให้นำไปใช้
หลังจากปิดระบบธนาคารที่รับโอนเงินเข้ามารวมทั้งธนาคารและแบงค์ชาติจะถูกประกาศล้มละลายไปทั่วทุกประเทศ
การรับมือและการเอาตัวรอด
เมื่อ World Bank ส่งสัญญาณแจ้งเตือนถึงธนาคารกลางแต่ละประเทศ(CB) ถึงการล่มสลายดังกล่าว ทำให้ CB พากันทิ้งเงินดอลลาร์ และหันไปถือครองทองคำมาสะสมแทน
หลังจาก CB รู้ว่าอีกไม่นานระบบธนาคารจะล่มสลาย จึงได้มีการปรับยอดการคุ้มครองเงินฝากเป็น 1 ล้านบาท นั่นแสดงว่า
ธนาคารทั่วโลกรู้สถานะตนเองว่ากำลังทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องมีความเสี่ยงจึงได้ออกกฎเพื่อคุ้มครองตัวเองโดยไม่ต้องรับผิดชอบเงินฝากจำนวนมากนั่นเอง
ค่าปรับจำนวนมหาศาล
แต่ถึงอย่างไรแล้วธนาคารที่ร่วมกันฉ้อฉลต้องร่วมรับผิดชอบด้วย คือจะถูกปรับ 3% ของยอดที่ทำการฉ้อฉล
นั่นหมายถึงทุกธนาคารที่เกี่ยวข้องการนำเงิน Heritage Funds มาใช้โดยไม่ถูกต้องจะถูกปรับ 3% ของยอดที่นำออกมา
ซึ่งธนาคารพาณิชย์ไทยจะถูกปรับมากที่สุดรวมทั้งแบงค์ชาตินี่คือสาเหตุที่ทำให้ CB ถึงขั้นล้มละลาย รวมถึงผู้ควบคุมเงิน ที่ต้องจ่ายค่าปรับเดือนละ 27 ล้าน
ถ้าปิดระบบก็ต้องมี 1,500 ล้าน ซึ่งเป็นจำนวนเงินมหาศาล ยิ่งต้องมีการเทคโอเวอร์โดยเจ้าของเงินตัวจริง
2-3 ปีที่ผ่านมาจะเห็นข่าวการลาออกของ CEO นายธนาคารต่าง และข่าวจับกุมนายธนาคารทั้งหลายร่วมพันคนทั่วโลก
การณ์คาดการณ์
หลังจากวิกฤติโรคระบาดต่อด้วยวิกฤติภาวะการเงินล่มสลายและอาจอาจเกิดสงครามตามมาก็เป็นได้ เพราะกลุ่มอำนาจเก่าที่เป็นของอาณาจักรไรช์ที่สี่กับตระกูลมังกรที่เป็นผู้กุมอำนาจใหม่
โดยมี ทรัมป์ นายสี และปูติน ที่เป็นตัวหลักในการโค่นล้มระบบอำนาจเก่าที่ไม่เป็นธรรมนี้ และไม่มีอะไรที่จะหยุดสิ่งนี้ได้
การเปลี่ยนแปลงนี้จะนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่า
จงศรัทธาและเชื่อในแผน
**ขอบคุณบทความวิเคราะห์ของ
คุณหมู อวยชัย**
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น