วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2564

🗽เมื่อปิดระบบเงินที่ไม่มีหลักประกัน เงินทั้งหมดจะหายไปจากระบบธนาคาร..!!

 See >>>

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=4357498104318715&id=100001757048699


เมื่อปิดระบบเงินที่ไม่มีหลักประกัน

เงินทั้งหมดจะหายไปจากระบบธนาคาร..!!


หากย้อนหลังไปตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 ในวงการธนาคารเริ่มมีการโอนเงินข้ามประเทศจำนวนมหาศาลและออกตั๋วเงินมากมาย


ในการนำเงินนอกระบบที่เรียกว่า Heritage Funds ออกมาใช้หากไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของแล้วก็คือเงินมี่ไม่ถูกต้องไม่สามารถเข้าระบบได้ 


ในการเอาเงินออกเพราะหาเจ้าของเงินไม่เจอ แต่มีการฉ้อฉลโดยหมกเม็ดจากผู้มีอำนาจของธนาคารนักการเมืองและรัฐบาลหรือประมุขบางประเทศด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ร่วมมือกัน


ตอนนี้กำลังเข้าสู่ความเข้มข้นของการเปลี่ยนแปลงการเงินโลก ปลายปีนี้จะเห็นความเคลื่อนไหวความปั่นป่วนของธนาคารทั่วโลก 


และชัดเจนต้นปีหน้าจะมีธนาคารล้มจำนวนมาก เพราะเจ้าของเงินตัวจริงจะปิดระบบให้เสร็จภายใน 3 เดือนนี้ 


นี่ถือเป็นการสิ้นสุดของระบบการเงินเก่า หรือที่รู้จักกันในชื่อ GCR ที่ย่อมาจาก Global Currency Reset 


และเปลี่ยนมาใช้ระบบการเงินดิจิตอล QFS ในการทำธุรกรรมต่างๆ ทั่วโลก บนระบบ Ripple XRP ซึ่งใช้เทคโนโลยี Blockchain ที่ได้รับมีมาตรฐาน ISO 20022 


ทำให้การโอนเงินระหว่างประเทศมีความรวดเร็ว ปลอดภัย และตรวจสอบได้แบบ Real Time


ปรากฏการณ์โดมิโน่ของระบบการเงินการธนาคาร


หลังจากระบบการเงินเก่าสิ้นสุดลง จะมีธนาคารฟ้องร้องกันเองระหว่างประเทศมากมาย 


เพราะสิ่งที่เป็นหลักประกันเดิม(ที่แอบออกตั๋วนำไปใช้กันโดยพละการโดยเจ้าของที่แท้จริงไม่ยินยอม)จะหายไปจากระบบ เหลือเพียงแต่ตัวเลขที่ไม่มีหลักประกัน


และแน่นอน ที่เขาไม่ได้เพราะเงินเหล่านี้มีรหัสควบคุม มีองค์กรคุมเป็นชั้นๆ ถึงแม้ว่าองค์กรระดับล่างจะอนุญาตหมดแล้วแต่เจ้าของเงินที่อยูระดับยอดสุดไม่อนุญาตให้นำไปใช้


หลังจากปิดระบบธนาคารที่รับโอนเงินเข้ามารวมทั้งธนาคารและแบงค์ชาติจะถูกประกาศล้มละลายไปทั่วทุกประเทศ


การรับมือและการเอาตัวรอด


เมื่อ World Bank ส่งสัญญาณแจ้งเตือนถึงธนาคารกลางแต่ละประเทศ(CB) ถึงการล่มสลายดังกล่าว ทำให้ CB พากันทิ้งเงินดอลลาร์ และหันไปถือครองทองคำมาสะสมแทน


หลังจาก CB รู้ว่าอีกไม่นานระบบธนาคารจะล่มสลาย จึงได้มีการปรับยอดการคุ้มครองเงินฝากเป็น 1 ล้านบาท นั่นแสดงว่า


ธนาคารทั่วโลกรู้สถานะตนเองว่ากำลังทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องมีความเสี่ยงจึงได้ออกกฎเพื่อคุ้มครองตัวเองโดยไม่ต้องรับผิดชอบเงินฝากจำนวนมากนั่นเอง


ค่าปรับจำนวนมหาศาล


แต่ถึงอย่างไรแล้วธนาคารที่ร่วมกันฉ้อฉลต้องร่วมรับผิดชอบด้วย คือจะถูกปรับ 3% ของยอดที่ทำการฉ้อฉล 


นั่นหมายถึงทุกธนาคารที่เกี่ยวข้องการนำเงิน Heritage Funds มาใช้โดยไม่ถูกต้องจะถูกปรับ 3% ของยอดที่นำออกมา 


ซึ่งธนาคารพาณิชย์ไทยจะถูกปรับมากที่สุดรวมทั้งแบงค์ชาตินี่คือสาเหตุที่ทำให้ CB ถึงขั้นล้มละลาย รวมถึงผู้ควบคุมเงิน ที่ต้องจ่ายค่าปรับเดือนละ 27 ล้าน 


ถ้าปิดระบบก็ต้องมี 1,500 ล้าน ซึ่งเป็นจำนวนเงินมหาศาล ยิ่งต้องมีการเทคโอเวอร์โดยเจ้าของเงินตัวจริง


2-3 ปีที่ผ่านมาจะเห็นข่าวการลาออกของ CEO นายธนาคารต่าง และข่าวจับกุมนายธนาคารทั้งหลายร่วมพันคนทั่วโลก 


การณ์คาดการณ์


หลังจากวิกฤติโรคระบาดต่อด้วยวิกฤติภาวะการเงินล่มสลายและอาจอาจเกิดสงครามตามมาก็เป็นได้ เพราะกลุ่มอำนาจเก่าที่เป็นของอาณาจักรไรช์ที่สี่กับตระกูลมังกรที่เป็นผู้กุมอำนาจใหม่


โดยมี ทรัมป์ นายสี และปูติน ที่เป็นตัวหลักในการโค่นล้มระบบอำนาจเก่าที่ไม่เป็นธรรมนี้ และไม่มีอะไรที่จะหยุดสิ่งนี้ได้


การเปลี่ยนแปลงนี้จะนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่า


จงศรัทธาและเชื่อในแผน


**ขอบคุณบทความวิเคราะห์ของ

คุณหมู อวยชัย**

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น