See >>>
https://www.facebook.com/100075867212307/posts/pfbid02aw8fLfgxrzHsL7s3h1uaY7d6bsJVHN8cgmBUJUSZ3wqQSh1xH6kTdzpsSeBN5Zskl/
พวกเราทุกคนต่างแยกตัวมาจากพระผู้สร้าง ( Prime Creator ) หรือ source เรามาจากมิติที่สูง เป็นผู้ร่วมสร้างสิ่งต่าง ๆ ขึ้นมาทั้งจักรวาลเพื่อเรียนรู้และเพื่อหาประสบการณ์ ทั้งร่วมกันสร้างดาวเคราะห์ต่าง ๆ ขึ้นมา รวมทั้งไทแร้นท์ที่ว่าเลวร้ายก็ด้วย และจิตวิญญาณของเราก็แยกตัวไปหาประสบการณ์ตามเพลนต่าง ๆ อีก 5 ตัวตน แค่พวกเราต่างจำกันไม่ได้
เผ่าพันธุ์ของมนุษย์ไม่ได้มาจากลิง แต่มาจากเซเรส์ อยู่บนโลกนี้มานานกว่า 65 ล้านปีมาแล้วหลังยุคไดโดเสาร์ ส่วนศาสนาต่าง ๆพึ่งมีมาแค่สองพันกว่าปีนี้เอง ศาสดามีอยู่จริงแต่พวกเขาเป็นบีอิ้งต่างดาวแบบมนุษยโลกทั่วไป มนุษย์โลกก็มาจากดวงดาวต่าง ๆ เคยเป็นมนุษย์ต่างดาวหลายเผ่าพันธุ์มาจากต่างดาวทั้งหมดทั้งสิ้น
โลกนี้เปรียบเสมือนห้องทดลอง สารพัดมากมายหลายเผ่าพันธุ์ที่รวมอยู่ด้วยกัน ซึ่งอาจแตกต่างจากดาวดวงอื่น ๆ เป็นศูนย์รวมทุกอย่าง วิทยาศาตร์ ดาราศาตร์ต่าง ๆ และอื่น ๆอีกมากมายของดาวดวงอื่นที่จะเข้ามาทดลองศึกษาเลยก็ว่าได้
พระผู้สร้างเฝ้าดูผลงานการสร้างสรรค์ของโลกมนุษย์และจักรวาล เห็นแล้วว่าผู้คนบนโลกมนุษย์อยู่ในความลำบากมาก คนจนก็จนแทบไม่มีจะกิน คนรวยก็รวยไม่เผื่อแผ่แบ่งปันให้คนลำบากยากจนเลย
ที่ดินและทรัพยากรณ์ธรรมชาติที่มีมากมายทั่วทั้งโลกก็ตกเป็นของผู้ปกครองผู้มีอำนาจเพราะเขาต้องการครอบครองมันแต่เพียงผู้เดียว คนจนไร้ที่อยู่อาศัย ทำงานเสียภาษีให้ผู้มีอำนาจเยี่ยงทาส
จ้างให้ทำสงครามแย่งอำนาจกันเพื่อให้คนบนโลกนี้มีแต่ความหวาดกลัว ความเครียด กดดัน แย่งชิงทำร้ายสิ่งมีชีวิตด้วยกันเอง เอาชนะกัน จะได้มีพลังงานลบมาก ๆ เพราะฝ่ายมืดซาตานดูดกินพลังงานลบ และครอบครองโลกเรามากว่า 5 แสนปีมาแล้ว
โดยสร้างความเชื่อต่าง ๆ ตามบรรพบุรุษขึ้นมาเพื่อสร้างความเป็นเทพให้คนกราบไหว้บูชา ไม่ว่าจะศาสนา ศักดินา หรือเทพผู้ยิ่งใหญ่ต่าง ๆ ที่เราเคารพ เพื่อให้เห็นค่าของคนไม่เท่ากัน แม้แต่คนกับสัตว์
ก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคมต่างคิดว่าความเชื่อของตนดีที่สุด ถือฐิถิ ยิดอัตตา มีอีโก้สูง เหยียดคนไม่มีศาสนาหรือต่างศาสนาว่าต่ำกว่าตนและต้องอยู่ในกรอบของความเชื่อนั้น ๆ เพียงเท่านั้น
เช่น ห้ามแต่งกายแบบนี้ ห้ามลุกขึ้นต่อสู้ สงบจิตอย่างเดียวห้ามสร้างสรรค์ หลายศาสนามักเหยียดสตรีและเพศตรงข้าม ถูกใช้เป็นเครื่องมือของนักการเมือง ไร้อิสระเสรีภาพทางความคิดและการกระทำ ทั้งที่เราทั้งจักรวาลมีความเท่าเทียมกัน
เพราะเราโดนฝ่ายมืดจับมาลบความทรงจำด้วยเทคโนโลยี และดึง DNA จีโนมของเราออกไป เราจะต้องรื้อความทรงจำในอดีตให้ได้ก่อน ว่าเราเก่งฉลาดรอบรู้และมีความสามารถมากขนาดไหน เราเก่งได้เทียบเท่าแบบศาสดาของเรา ด้วยการฝึกจิต ทำสมาธิส่งฮิว ( HU )
พวกเรากำลังถูกปลูกให้ตื่นขึ้นเแล้วฝึกจิตเพื่อค้นหาตนเองให้เจอ จะได้ประสานกับจิตที่ศักดิ์สิทธิ์และจิตวิญญาณที่สูงขึ้นที่มีความสามารถสูงมาก ได้มาช่วยเราในการทำหน้าที่นี้ให้ผ่านพ้นวิกฤษอันเลวร้ายนี้ไปได้
เมื่อเราตื่นรู้ เราก็ช่วยกันเผยแผ่ช่วยให้ผู้คนทั้งโลกได้ตื่นรู้ตามเราไปด้วย เมื่อเราเห็นโพสต์ขึ้นแสดงว่าเราโดนปลูกให้ตื่น โลกกำลังเปลี่ยนแปลงแล้ว เราต้องเปลี่ยนตาม ใครไม่เปลี่ยนก็ต้องวนเวียนอยู่ในโลกมายามิติ 3 - 4 โรงละครนั้นต่อไป และไปต่อคิวทีหลัง
ให้เราออกจากความเชื่อต่าง ๆของบรรพบุรุษให้ได้ก่อน ปลดปล่อยจิตวิญญาณของตนเองให้เป็นอิสระ เพิ่มความถี่พลังงานบวกด้วยความรักที่ไม่มีเงื่อนไข หันมาศึกษาเรียนรู้ข้อมูลของจักรวาลที่นอกเหนือจากความรู้ทางโลก ที่ผู้นำของโลกช่วยกันขีดเขียนให้เราต้องเดินตาม
การภาวนาขอสิ่งต่าง ๆ นั้น ไม่ได้สำเร็จเพราะการขอจากรูปปั้นที่ไร้ชีวิต ปลัดขิก จอมปลวก ต้นไม้หรือเทพองค์ใด ๆ เลย แต่เราสำเร็จได้จากการขอด้วยตัวของเราเอง เพราะพวกเรามีพลังงาน การขอด้วยจิตที่จดจ่อจึงได้ตามนั้นจริง ซึ่งเป็นกฏแรงดึงดูด ทั่วทั้งจักรวาลเขารับทราบกันดีและพวกเขาก็ใช้กันทั้งจักรวาล ไม่ใช่จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนเลย
สำหรับคนที่ยังเหยียบเรือสองแคมก็แล้วแต่จริต เพราะเราไม่สามารถทำให้ใครไปทางตรงกับเราได้ก็ต้องรอไปตื่นรู้ทีหลัง รอคิวแต่ละภพชาติไป เพราะถ้ายังยืดติดศัทราในความเชื่อเก่าของบรรพบุรุษอยู่ ก็วนเวียนถูกขังอยู่ใน โฮโลแกรม แค่โลกมิติที่ 3 - 4 อยู่แบบนั้น ไม่ไปมิติที่ 5 หรือสูงกว่านั้นก็แล้วแต่จริตของแต่ละคน
ศาสนาทุกศาสนา แม้จะสอนดียังไงก็คือเครื่องมือของฝ่ายมืดอยู่ดี ..ก่อนโลกกำเนิดเราไม่มีศาสนา ศาสนามีมาทีหลังไม่กี่พันปีมานี้นี่เอง ศาสนาต่าง ๆ ทำให้คนแตกแยกคิดว่าศาสนาของตนเองดีกว่า และมักเหยียดคนต่างศาสนา เหยียดคนไม่มีศาสนา
ทำให้คนมีอีโก้สูง ต้องเคารพกราบไว้บูชาเหยียดสตรีเพศ ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในสังคม สมัยศาสดา หญิงบวชได้สมัยนี้เป็นได้แค่ชี ห้ามนั่งหน้าเหนือผู้ชาย สมัยศาสดาไม่มีการเรียนภาษาสันสกฤต บาลีแข่งชั้นตรี โท เอกอะไรให้ยุ่งยากทั้งนั้น มีแต่ทำสมาธิดูลมหายใจเข้าออกง่าย ๆ สบาย ๆ
ปฏิโมกข์มาทีหลังยุคศาสดา และทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนปฏิโมกข์ก็เปลี่ยนคำสอนเปลี่ยนนิกายที มีเรื่องเงินมาเกี่ยวข้อง พระมีเงินเดือนมียศมีศักดิ์ ทำให้ผู้บวชเกิดกิเลส สมัยก่อนพระไม่มียศ และเท่าเทียมกัน เดินไปบิณฑบาตแค่พออิ่ม การบวชก็ไม่จัดงานเลี้ยงฆ่าหมู ไก่ เหล้าเพื่อแข่งรวยใส่ทองให้นาคแบบยุคนี้ คัมภีร์เปลี่ยนตลอดไม่รู้ใครเขียนจริงไม่จริงก็มั่วกันไปหมดหลายเล่ม แต่คนก็เชื่อจนสุดใจแม้ไม่ได้พิสุจน์ด้วยตนเองก็ตาม
ศาสดาคือคนธรรมดาแบบเราแค่ถูกยกให้เป็นชนชั้นลูกกษัตริย์ พอออกนอกวังไปเห็นคนจน คนแก่ คนเจ็บ คนตาย ทำไมไม่สุขสบายเหมือนตนเอง เลยเข้าป่าเพื่อต้องการค้นหาความจริงแบบพวกเราทุกคนนั่นแหละ ทดสอบทุกอย่างแต่ก็ไม่สำเร็จ อดข้าวก็แล้ว ทรมานตนเองก็แล้ว
เลยหาวิธีใหม่ อาบน้ำทานข้าว ทำจิตให้สดชื่น นั่งทำสมาธิใต้ต้นไม้สบาย ๆ สังเกตุลมหายใจเข้าออกแค่นั้น ไม่มีพิธีการใด ๆ ไม่โกนหัวหรือกันคิ้ว ( สังเกตุพระพุทธรูปมีแต่ผมดำยาวและคิ้วดกดำ ) แลไม่ได้สวดมนต์ นั่งนอนดูลมเข้าออกสบาย ๆ ทำไปหลายวัน ก็เกิดประสบการณ์การตื่นรู้ หรือเขาเรียกการตรัสรู้ เห็นอดีตตนเอง เลยไปบอกวิธีการปฎิบัติต่อผู้อื่นไปทั่วโลกก็เท่านั้น
ศาสดาเขาไม่ได้บอกให้ใครต้องเคารพเทวรูปเคารพของเขา ไม่ได้ให้ต้องเชื่อคำพูดเขาทุกอย่าง เพราะเขาคงรู้ว่าต่อไปข้างหน้าจะมีการเปลี่ยนแปลงคำสอน แยกนิกายและคนจะคลั่งแต่เคารพบูชาเทวรูปเคารพแทน
ศาสดาก็คนธรรมดาเหมือนเรา เราก็เป็นพระเจ้าแบบศาสดาของเราได้ วัดสมัยนี้มีแต่พุทธพาณิชย์เป็นส่วนมาก แต่ไม่ได้เหมารวม พระดีก็มี แต่บางรูปตื่นรู้ก็เข้าป่าหมดก็มี บางศาสนามีเมียได้หลายคน บางศาสนามีเมียได้ บางศาสนาห้ามแตะต้องผู้หญิง แค่นี้ก็แตกต่าง แตกแยก พาตีกันแล้ว ( สังเกตุได้ว่าแต่ละศาสนามักตำหนิศาสนาอื่น ขนาดทุกวันนี้ยังแย่งกันเป็นศาสนาประจำชาติเลย เจ้าอาวาสก็แย่งซื้อตำแหน่งกันให้วุ่น กิเลสล้วน ๆ )
นิพพานอยู่ตรงกลางระว่างมิติที่ 4 ปละมิติที่ 5 คือคั่นมิติที่ต่ำกว่าและมิติที่สูงขึ้นไป ตอนนี้ศาสดารู้แล้วว่าเหนือนิพพานยังมี 144 โลกคู่ขนาน เพราะตอนนั้นศาสดาท่านก็โดนโปรแกรมของฝ่ายมืดครอบงำเช่นกันให้เชื่อว่ามีนรก สวรรค์ ทั้งที่นรก
สวรรค์คือโฮโลแกรมของฝ่ายมืดเช่นกัน ยมฑูตก็เป็นมนุษย์ต่างดาวฝ่ายมืด อนูนากิเรปทีเลี่ยนแปลงกายมาตัดสินมนุษย์ว่าใครจะไปนรก สวรรค์แล้วบูชาซาตาน ซาตานก็ดูดเอาพลังความถี่ต่ำจากพวกที่ไปนรก ดูดความถี่สูงของคนที่ไปสวรรค์ ส่วนนิพพานก็จะนิ่งสงบอย่างเดียวไม่สร้างสรรค์
ในความเป็นจริงเราจะนิ่งสงบอย่างเดียวไม่ได้ เพราะจะไม่เกิดการสร้างสรรค์พัฒนา หรือการแก้ปัญหาทั้งในจักรวาลและดาวเคราะห์โลกที่ต้องการความช่วยเหลือและแก้ไข จักรวาลไม่มีศาสนา ศักดินา หรือการแบ่งแยก มีแต่ความเป็นหนึ่งเดียว มีแต่ความเท่าเทียมกันในทุกสรรพสิ่ง เชื่อและศัทราในตนเอง เพราะทุกคนคือพระเจ้าเช่นเดียวกัน และทุกคนคือพระผู้สร้าง
แค่เราได้ฝึกจิตสำนึกให้ดี ด้วยความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ไม่แข่งขันต่อสู้ทำสงครามกันอีกต่อไป มีอะไรก็แบ่งปันช่วยเหลือกัน หาจิตวิญญาณที่ศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงของตนเองให้เจอด้วยการทำสมาธิส่งฮิว ( HU ) เพื่อเชื่อมต่อมิติต่าง ๆ ของจักรวาลและพระผู้สร้าง เกิดประสบการณ์การตื่นรู้ เพื่อให้เรารู้จักตัวตนที่แท้จริงของเราและรู้ต้นกำเนิดที่มาของตนเองก่อนที่จะมาเกิดบนโลกใบนี้นั่นเอง ❤
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น