วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2565

โลกของเรามีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นแน่นอน ไม่มีวันถอยหลังกลับ มีเหล่า บีอิ้งค์ชาวแสงมาช่วยกันเปลี่ยนแผนการโลกตั้งมากมาย อย่างที่เราจะเห็นการปลดแอ็คและการตื่นขึ้นของมนุษย์ทั่วโลกกันเยอะมาก

 https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid02FM2YRK4EJmbjAbEXREyZKXWDgCKhdsfNPbZTaZYLkYm2MFxNmAU7vkZZyzLuhSPKl&id=100075542544185



โลกของเรามีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นแน่นอน ไม่มีวันถอยหลังกลับ มีเหล่า บีอิ้งค์ชาวแสงมาช่วยกันเปลี่ยนแผนการโลกตั้งมากมาย อย่างที่เราจะเห็นการปลดแอ็คและการตื่นขึ้นของมนุษย์ทั่วโลกกันเยอะมาก


 เราคือพระผู้สร้าง เราอยู่ภายใต้พลังงานบวกและลบ เราจะสร้างอะไรมันจึงมีผลบวกและลบเสมอ แต่เราอยู่บนโลกมายา ในมิติที่ 3 ซึ่งมีอิมแพล้นเข้ามาเกี่ยวข้องเลยทำให้เกิดความสับสนวุ่นวาย ความกลัว เพราะเราถูกสอนให้ทำในสิ่งที่มีแต่พลังงานลบ ๆ 


  เช่น การฟังข่าวต่าง ๆ การทำสงคราม ทำร้ายซึ่งกันและกัน แก่งแย่ง ชิงดี แข่งขันเกิดความแตกแยกของสังคม ความวุ่นวายของสิ่งแวดล้อม ความทุกข์จากการดำรงชีวิต การงาน การเงิน ความรัก ทำให้เราวิตกกังวล เพราะ อิมแพล้นควบคุมเราอยู่ 


  การคิดบวกจึงสำคัญเพราะเป็นสิ่งที่จะช่วยปรับเปลี่ยนพลังงานของตัวเราเองให้สูงขึ้น เพื่อที่จะปลดปล่อย อิมแพล้นแห่งความกลัว วิตกกังวลออกไป เราจะต้องกล้าหาญ เพราะจะมีสิ่งที่ฉุดดึงเราเอาไว้ตลอดเวลา 


  ตัวจริงของเราคือแอทม่าหรือจิตวิญญาณเป็นพลังงานแสงสีขาวประกายทอง จะไม่มีความรู้สึกที่เป็นขั้ว มีแต่ความเป็น กลาง 


  เราเคยอยู่มิติที่สูงมาก่อนที่จะลงมามีประสบการณ์ทางดวงดาวต่าง ๆ และบนโลกใบนี้ด้วยการสร้างสรรค์ของพวกเราเอง ช่วยกันสร้างไทแร้นและสร้างสิ่งต่าง ๆ ขึ้นมาเพื่อต้องการหาประสบการณ์


  สร้างร่างกาย มี พลังงาน 7 จักรกระ เพื่อสร้างกายเนื้อขึ้นมาเกิดเป็นเด็ก มี DNA ที่ใช้บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ มาใช้เป็นส่วนประกอบของรูปร่างหน้าตา 


  แล้วแอทม่าหรือจิตวิญญาณของเราที่แท้จริงก็มาอาศัยอยู่ในร่างกายนี้ โดยใช้อารมณ์ ความคิดและความรู้สึกที่ได้รับมาจากตัวตนของเราตามเพลนต่าง ๆ 


  พอเรามาอยู่บนโลกที่มีแต่ความถี่ที่เป็นลบ ทำให้เราส่งพลังงานที่เป็นลบกันตลอดเวลา มีแต่ความวุ่นวายจากสิ่งแวดล้อมที่มากระทบ การจะให้คิดบวกตลอดเวลาเลยเป็นเรื่องที่ยาก หลายคนมักนึกน้อยใจตนเอง เพราะเราไม่รู้ว่านั่นแหละ มันคือประสบการณ์ที่เราได้สร้างสรรค์ได้เรียนรู้ เพื่อที่จะได้ปรับปรุงแก้ไขตนเองต่อไปในอนาคต 


  พวกเราทุกคนถึงต้องมาฝึกฝนตัวของเราเอง ให้คิด พูดและกระทำในทางบวกและทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อสร้างโลกใหม่ เพราะการคิดคือพลังงาน 


  เมื่อเราส่งพลังงานออกไปเชื่อมต่อกับพลังงานของพระเจ้าหรือพระผู้สร้าง เป็นพลังงานจักรวาล จักรวาลก็จะสร้างสรรค์สิ่งที่เราต้องการให้ปรากฎขึ้น ซึ่งเป็นวิธีการทำงานของจักรวาล


  ทุกบีอิ้งค์ทั้งจักรวาลก็ใช้กฎข้อนี้เช่นเดียวกัน เพียงแต่บนโลกของเราไม่มีใครมาสอนเราแบบนี้  


  โดยการสร้างความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ให้แก่ทุกชีวิตทุกสรรพสิ่ง เพื่อให้เราหลุดจากการควบคุม ซึ่งทุกคน ทุกชีวิตทุกสรรพสิ่ง ต้นไม้ สิ่งของ ต่างมีพลังงานความถี่ของตัวเองไม่เท่ากัน 


  อย่างบางคนคิดเรื่องความรัก การงาน การเงิน ความเจ็บไข้ได้ป่วยที่ ความกังวล ความเครียดหรือความทุกข์และสุขที่แตกต่างกัน ส่วนมากก็เป็นความทุกข์ซะมากกว่า 


  พอส่งพลังงานต่ำออกไป จักรวาลก็จะส่งสิ่งที่เราต้องการออกมาเป็นลบอย่างที่เราต้องการ 


  เราจึงต้องระวังความคิดของตนเอง เพราะพลังงานของพระเจ้าหรือพระผู้สร้าง พลังงานของจักรวาล มีลักษณะเป็นกลาง 


  มีทุกคลื่นความถี่เพื่อคอยเชื่อมโยงกับทุกชีวิต ทุกสรรพสิ่ง มีหน้าที่ทำตามความความรู้สึกนึกคิดของเราไม่ว่าบวกหรือลบให้มันเป็นจริงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น  


  เราทุกคนคือพระผู้สร้าง การสร้างสรรค์จึงต้องระวัง ถ้าเราสร้างสิ่งใดย่อมได้สิ่งนั้นกลับมา เพราะจกรวาลมีความเป็นกลางจะไม่สนว่าคุณจะคิดสร้างสรรค์อะไร ก็มอบให้ในแบบที่เราต้องการเสมอ ถ้าคิดบวกย่อมได้บวก คิดลบย่อมได้ลบตามแต่คุณปรารถนา


  เมื่อเราต้องการเปลี่ยนโลกใหม่ อยากมีชีวิตที่ดีเลิศแบบไหน เราต้องเปลี่ยนความคิดของตนเองใหม่ ส่งแต่คลื่นความถี่ที่เป็นบวก ที่บีอิ้งทั้งจักรวาลพวกเขาต่างรู้จักกันดี ว่าเรียกกฎแห่งแรงดึงดูด ซึ่งเป็นกฎของจักรวาลนั่นเอง ❤

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น