วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

บันทึกเกล็ดประวัติศาสตร์สำคัญไว้ในเพจ..!!

  See >>>

https://www.facebook.com/100001757048699/posts/pfbid0X46KBrhwtRnKLxJnKWJycBUoa46Ej8xptC53Ph92c3xp6E6PyoeircEHTRAkD7A7l/?mibextid=Nif5oz



บันทึกเกล็ดประวัติศาสตร์สำคัญไว้ในเพจ..!!

>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>


ใครเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกตอนนี้..??


ไม่แปลกถ้าคุณจะคิดว่า อีลอน มัสก์ เพราะเขาเพิ่งถูกจัดอันดับให้เป็นมหาเศรษฐีที่รวยสุดอันดับหนึ่งของโลก หลังจากราคาหุ้นของบริษัทเทสลาพุ่งจนทำให้เขามีทรัพย์สินมหาศาลถึง 3.4 แสนล้านดอลลาร์ !


แต่ก็มีข่าวลือที่เล่าต่อกันมาอย่างยาวนานว่า จริง ๆ แล้วตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกตัวจริงคือ” Rothschild “ เพราะเขามีทรัพย์สินมากถึง 500 ล้านล้านดอลลาร์ มากกว่าอีลอนเป็นพัน ๆ เท่า แถมยังเป็นผู้ชักใยรัฐบาล และเศรษฐกิจโลกอยู่เบื้องหลัง ! (บางสำนักข่าวบอกว่ามีเพียง 60 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมากอยู่ดี !)


#ไม่ได้รวยมาแต่กำเนิด 

ย้อนกลับไปเมื่อปี 1528 สมัยนั้นคนเยอรมันส่วนใหญ่ยังเกลียดคนยิว ชาวยิวจึงถูกแยกออกมาให้อยู่ในสลัมเล็ก ๆ ตามกำแพงเมือง แต่มีอยู่ตระกูลหนึ่งที่จนมาก ๆ ถึงขนาดที่ต้องนอนอัดกัน 30 คน ในบ้านเล็ก ๆ ที่มีเพียงห้องเดียว โดยบ้านหลังนี้จะมีโล่สีแดงแขวนไว้หน้าบ้าน เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของคนประจำตระกูล ซึ่ง “โล่สีแดง” ภาษาเยอรมันเรียกว่า “Roth Schild” นี่จึงกลายเป็นที่มาของชื่อตระกูลนี้ 


#อะไรที่ทำให้พวกเขารวยได้ขนาดนี้

จุดเปลี่ยนสำคัญของตระกูลนี้ ได้เริ่มต้นขึ้นในปี 1744 เมื่อ Mayer Amschel Rothschild ได้ลืมตาขึ้นมามองโลก และเมื่อมีอายุแค่เพียง 20 ปี เขาก็ได้เปิดบริษัทเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนเงินตรา กู้ยืม และซื้อขายเหรียญโบราณ 


ซึ่งการซื้อขายเหรียญโบราณนี้ทำให้เขาได้รู้จักกับเจ้าชายวิลเลียมที่ 1 แห่งเฮสเซ่ ประเทศเยอรมนี ผู้ชอบสะสมเหรียญเก่าหายาก เนื่องจากเหรียญพวกนี้เปรียบเสมือนงานศิลปะชั้นสูง Mayer จึงสรรหาเหรียญที่ดีที่สุดไปให้เจ้าชายจนเกิดความสนิทสนมกัน หลังจากนั้นเขาจึงแต่งตั้งให้ Mayer กลายเป็นพ่อค้าหลวงส่วนตัว Mayer จึงใช้สถานะของตัวเองต่อยอดธุรกิจที่เขามีด้วยการเริ่มปล่อยเงินกู้ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เนื่องจากคนยุโรปในสมัยก่อนนับถือศาสนาคริสต์เลยมีความเชื่อว่าการปล่อยเงินกู้นั้นเป็นบาป คู่แข่งของเขาจึงแทบจะไม่มีเลย 


แต่แล้วเมื่อเจ้าชายวิลเลียมที่ 1 เริ่มชราภาพ เขาจึงมอบทรัพย์สินส่วนใหญ่ให้ Mayer ดูแล และเขาก็ไม่ผิดหวังเมื่อ Mayer ได้นำทรัพย์สินของเขาไปลงทุนจนสามารถสร้างรายได้มหาศาล ด้วยความร่ำรวยและเส้นสายที่มากขึ้นเขาจึงส่งลูก ๆ ทั้ง 5 คน ไปยัง

ประเทศสำคัญ ๆ ในยุโรป เพื่อขยายความยิ่งใหญ่ของธุรกิจออกไป 


#เหตุผลที่ถูกโยงว่าชักใยสงคราม 

Nathan Mayer Rothschild คือลูกชายคนที่สามที่ถือว่าประสบความสำเร็จมากที่สุด

เพราะเขาสามารถสร้างธุรกิจผ้าฝ้ายที่ใหญ่โตในลอนดอน ก่อนจะเริ่มลงทุนในพันธบัตร

จนสามารถก่อตั้งธนาคาร “Rothschild & Co” ได้ในที่สุด


ปี 1815 ได้เกิดสมรภูมิวอเตอร์ลู หรือ สงครามระหว่างฝรั่งเศสกับอังกฤษ ซึ่งมหาเศรษฐีต่าง ๆ ของประเทศอังกฤษมักจะซื้อตราสารหนี้ของประเทศตัวเองไว้เพื่อช่วยประเทศตัวเองรวมถึงเวลาที่รบชนะตราสารหนี้ก็จะมีมูลค่าสูงขึ้น 


Nathan จึงใช้โอกาสนี้ออกทุนให้อังกฤษไปทำสงคราม แต่มีข้อแลกเปลี่ยนว่าเขาต้องได้ข่าวการแพ้-ชนะจากสนามรบก่อนใคร เมื่อทราบว่าอังกฤษรบชนะ เขาจึงเทขายตราสารหนี้ออกจนหมด เหตุการณ์นี้ทำให้เศรษฐีหลายคนที่ซื้อตราสารหนี้ต่างคิดว่า Nathan ต้องรู้ข่าวว่าอังกฤษรบแพ้แน่ ๆ พวกเขาจึงเทขายตาม โดยที่ไม่รู้เลยว่า Nathan กำลังแอบซื้อตราสารหนี้ที่พวกเขาเทขายอยู่เงียบ ๆ 


เหตุการณ์ครั้งนี้จึงทำให้ตระกูล Rothschild มีทรัพย์สินมากขึ้นถึง 2,500 เท่า ! พร้อมขึ้นแท่นเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในหมู่เกาะอังกฤษเลย ณ เวลานั้น แต่ก็มีเศรษฐีหลายคนที่ขาดทุนอย่างย่อยยับเพราะเหตุการณ์นี้ นี่จึงเป็นสิ่งที่ทำให้หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าตระกูลนี้อาจเป็นผู้ชักใยการทำสงครามส่วนใหญ่ในโลกก็ได้ 


#เจ้าของธนาคารใหญ่ทั่วโลก 

หลังจากนั้นเขาก็เข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดในธนาคารกลางอังกฤษ ซึ่งในตอนนั้นอังกฤษยังเป็นประเทศมหาอำนาจของโลก และเมื่ออังกฤษได้ทำสงครามประกาศอิสรภาพ ในที่สุดชาวอาณานิคมก็ได้รับชัยชนะ และตั้งเป็นประเทศใหม่ คือ สหรัฐอเมริกา 

Rothschild ก็ได้จัดตั้งธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ขึ้นมา ทำให้เขาได้มีสิทธิควบคุมและจัดการสกุลเงินต่าง ๆ ได้


มีหลายสำนักข่าวที่สันนิษฐานว่า Rothschild เป็นเจ้าของธนาคารกลางเกือบทุกประเทศทั่วโลกเลยนะ !  


#เขาเป็นเจ้าของธุรกิจอะไรบ้าง

นอกจากนี้ตระกูล Rothschild ยังเป็นเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Philip Morris International บริษัทยาสูบที่ใหญ่ที่สุดในโลก De Beers บริษัทเพชรที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ถือครองเพชรกว่า 40% ทั่วโลก Château Lafite Rothschild ที่ผลิตไวน์อันดับ 1 ในประเทศฝรั่งเศส ไปจนถึง Royal Dutch Shell บริษัทน้ำมันที่ใหญ่อันดับ 2 ของโลก และนี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งในธุรกิจของตระกูลนี้เท่านั้น


เพราะตระกูล Rothschild ถือคติที่ว่า


“ห้ามเปิดเผยสถานะทางการเงินให้ใครได้รู้เป็นอันขาด”


ดังนั้นกิจการในเครือของตระกูลนี้ส่วนใหญ่จึงไม่ถูกเปิดเผยให้ใครรู้ แต่ถ้าหากสิ่งที่หลายคนสันนิษฐานอย่างเรื่องการทำสงคราม หรือเข้าไปควบคุมธนาคารกลางของประเทศมหาอำนาจอย่าง FED , BOE  และ ECB นั้นเป็นความจริงเท่ากับว่า เศรษฐกิจทั้งหมดของโลกใบนี้ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูล Rothschild ไปอย่างสมบูรณ์แบบเสียแล้ว !


Source:-

อ้างอิงที่มา : www.mensxp.com/special-features/features/91417-rothschild-family-richest-in-the-world-conspiracy-theories.html , 

https://www.investopedia.com/updates/history-rothschild-family/ , 


https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=4596884850441056&id=432739566855626&mibextid=Nif5oz


#Rothschild #RothschildandCo #ChâteauLafiteRothschild #RoyalDutchShell #โล่สีแดง #LuxuryProjects #Luxuryperson #หนังสือมือสอง #หนังสือน่าอ่าน #หนังสือ #ลงทุน #พ่อรวยสอนลูก #ประวัติศาสตร์


ขอบคุณ:เพจภูผา นักรบนิรนาม

#Ttango17Q

1Q February 2Q23

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น