วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

# มารู้จัก 10 บุคคลที่ "โดนัลด์ ทรัมป์" ไว้ใจ ให้ช่วยขับเคลื่อนนโยบาย ในสมัยที่ 2 มีใครบ้าง ?



 See >>>

https://www.facebook.com/share/15eprxaqcb/

#  มารู้จัก 10 บุคคลที่ "โดนัลด์ ทรัมป์" ไว้ใจ ให้ช่วยขับเคลื่อนนโยบาย ในสมัยที่ 2 มีใครบ้าง ?

President Trump. Behind him is the American flag and prominent political figures: Kristi Noem, Homeland security secretary. Elon Musk, Government efficiency. Also, Marco Rubio, Secretary of state

 BBCThai

Article information

Author, นาตาลี เชอร์แมน

Role, ผู้สื่อข่าวธุรกิจ ของบีบีซี ประจำนครนิวยอร์ก

17 มกราคม 2025

โดนัลด์ ทรัมป์ให้คำมั่นว่าจะนำเสนอการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและรุนแรงตั้งแต่วันแรกที่เขากลับเข้าทำเนียบขาวในวันที่ 20 ม.ค. นี้

บุคคลที่เขาเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งที่ทรงอิทธิพลที่สุดมีแนวคิดร่วมกันอย่างหนึ่ง คือ ความภักดีต่อผู้เป็นหัวหน้า ทว่า แต่ละคนก็ยังนำแนวคิดของตนเองที่จะนำมาประยุกต์ใช้กับแนวนโยบายของทรัมป์ด้วย

บีบีซีสำรวจบุคคลใน 5 กลุ่มที่จะได้รับความไว้วางใจเพื่อทำหน้าที่ตามคำมั่นสัญญาของโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมกับขอให้ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า พวกเขาเหล่านี้มีประสิทธิภาพหรือจะสร้างปัญหาได้มากเพียงใด

นโยบายการย้ายถิ่นฐาน: กลุ่มหัวแข็งที่ดูแลชายแดน

นี่คือหนึ่งในคำมั่นสัญญาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทรัมป์ในช่วงหาเสียง เพื่อรักษาความปลอดภัยชายแดนและขับไล่ผู้ที่เข้ามาในสหรัฐอเมริกาอย่างผิดกฎหมาย

การเนรเทศครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกาที่ได้รับคำมั่นสัญญาไว้ ซึ่งการสำรวจความคิดเห็นบางส่วนชี้ให้เห็นว่านโยบายนี้ได้รับการสนับสนุนมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่แนวทางการปฏิบัติจะเป็นอย่างไรหรือแหล่งเงินทุนจะมาจากทางไหนยังไม่มีใครรู้


Kristi Noem, Homeland security secretary

คริสตี้ โนเอม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ

"การกระทำแรกของคนต่างด้าวที่เข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายในประเทศของเราคือการทำที่ละเมิดกฎหมาย"

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหญิงสี่สมัย ผู้นี้ เคยดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ รัฐเซาท์ดาโคตา ในปี 2018 ได้รับความสนใจจากทั่วประเทศด้วยการปฏิเสธอย่างเปิดเผยต่อการบังคับใส่หน้ากากอนามัยและมาตรการล็อกดาวน์ระหว่างการระบาดของโรคโควิด-19

ท่ามกลางการระบาดใหญ่ โนเอมได้เฉลิมฉลองวันชาติ 4 ก.ค. ร่วมกับโดนัลด์ ทรัมป์ที่เมานต์รัชมอร์ หรือ อนุสรณ์สถานแห่งชาติเขารัชมอร์ในรัฐของเธอ

เธอมักจะวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงต่อนโยบายด้านชายแดนของโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบัน

โนเอมปฏิเสธที่จะรับผู้ลี้ภัยชาวอัฟกานิสถานและเป็นผู้ว่าการรัฐคนแรกที่ส่งสมาชิกกองกำลังป้องกันประเทศของรัฐของเธอไปยังเท็กซัสเพื่อช่วยบังคับใช้กฎหมายชายแดน

การแต่งตั้งของเธอยังต้องได้รับการรับรองจากวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ


Tom Homan, Border tsar

ทอม โฮแมน เจ้าแห่งพรมแดน

ด้วยประสบการณ์กว่าทศวรรษ ในฐานะเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายชายแดนสหรัฐฯ และอดีตตำรวจที่เคยบริหารหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร (Immigration and Customs Enforcement - ICE) นี่ดูเหมือนจะเขาเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับหนึ่งในภารกิจหลักของทรัมป์

เขาเป็นผู้สนับสนุนคนแรก ๆ ในการแยกเด็กออกจากพ่อแม่หรือผู้ดูแลที่ข้ามชายแดนโดยไม่มีเอกสาร ซึ่งกลายเป็นนโยบายการย้ายถิ่นฐานที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งมากที่สุดนโยบายหนึ่งของทรัมป์ในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นครั้งแรก

โฮแมนเป็นนักวิจารณ์ที่แสดงความคิดเห็นประจำช่องข่าวโทรทัศน์ฝ่ายอนุรักษ์นิยม เขามีความเห็นที่ขัดแย้งกับนักการเมืองจากพรรคเดโมแครตที่ไม่เต็มใจให้ความร่วมมือกับความพยายามบังคับใช้กฎหมายการย้ายถิ่นฐานของรัฐบาลกลาง

Red line

บทวิเคราะห์: การบังคับใช้นโยบายการปราบปราม

นอกเหนือจากประเด็นเศรษฐกิจแล้ว ผลการสำรวจความคิดเห็นยังชี้ให้เห็นหลาย ๆ ครั้งว่า การย้ายถิ่นฐานและชายแดนกับเม็กซิโกเป็นประเด็นสำคัญสำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนมาก การให้ โฮแมน และ โนเอม เป็นผู้นำ โดยมีสตีเฟน มิลเลอร์ ซึ่งเป็นคนหัวแข็งอีกคนให้เป็นผู้รับผิดชอบนโยบายชายแดน จึงแสดงให้เห็นว่า ทรัมป์จริงจังที่จะทำตามสัญญาที่ให้ไว้

แต่การเนรเทศคนจำนวนมากและการบุกเข้าตรวจค้นสถานที่ทำงานอาจทำให้ให้เกิดความขัดแย้งกับรัฐและเขตอำนาจศาลที่สนับสนุนพรรคเดโมแครตซึ่งอาจตัดสินใจผลักดันกลับหรือไม่ให้ความร่วมมือพรรครีพับลิกันในบางรัฐซึ่งเศรษฐกิจบางส่วนของพวกเขาต้องพึ่งพาแรงงานผู้อพยพก็อาจคัดค้านเช่นกัน และหากครอบครัวถูกแยกจากกันอีกครั้งเช่นเดียวกันกับในวาระแรกของทรัมป์ หรือพลเมืองอเมริกันถูกเนรเทศออกนอกประเทศไปพร้อมกับญาติที่ไม่มีเอกสาร ความคิดเห็นของสาธารณชนอาจเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

red line

นโยบายต่างประเทศ: สายเหยี่ยวต้านจีน

นักอนุรักษ์นิยมหลายคนเชื่อว่า จีนเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อการครองอำนาจทั่วโลกของสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านเศรษฐกิจและการทหาร

แม้ว่าทรัมป์จะมีความรอบคอบมากขึ้น โดยจำกัดการวิจารณ์ของเขาต่อจีนแทบทั้งหมดไว้ในขอบเขตของการค้า แต่เขากำลังรวบรวมทีมนโยบายต่างประเทศของเขาด้วยนักวิจารณ์ประเทศจีนที่แสดงออกอย่างเปิดเผย ซึ่งน่าจะช่วยผลักดันคำมั่นสัญญาของทรัมป์ที่จะเก็บภาษีศุลกากรเพิ่ม


Marco Rubio, Secretary of state

มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ

"ภัยคุกคามที่จะกำหนดศตวรรษนี้คือจีน และเราจะต้องใช้ความพยายามจากทั้งสังคม ไม่ใช่จากแค่รัฐบาลเท่านั้น ที่จะเทียบขั้นกับจีน"

รูบิโอคือชาวอเมริกันที่ครอบครัวอพยพมาจากประเทศคิวบา เป็นวุฒิสมาชิกที่เป็นตัวแทนของรัฐฟลอริดาตั้งแต่ปี 2011

เขาเคยเป็นเจ้าหน้าที่รัฐอาวุโสที่เคยสนับสนุนการปฏิรูปการย้ายถิ่นฐานของทั้งสองพรรคและเคยวิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์ตั้งแต่ช่วงแรกๆ

เขาและทรัมป์บางครั้งมีความขัดแย้งกันอย่างดุเดือดเมื่อครั้งที่รูบิโอลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกันในปี 2016 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ต่อมาเขาก็หันมาสนับสนุนทรัมป์

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาปกป้องทรัมป์อย่างแข็งขันระหว่างการหาเสียงและการปรากฏตัวของเขาในสื่อ

เขาเป็นสมาชิกคณะกรรมการข่าวกรองและความสัมพันธ์ต่างประเทศของวุฒิสภา และเป็นที่รู้จักจากจุดยืนที่แข็งกร้าวต่ออิหร่านและความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน รวมถึงจีน

แม้ว่าเขาจะมีอายุ 53 ปีแล้ว แต่เขาก็ยังคงมีความทะเยอทะยานที่จะดำรงตำแหน่งในทำเนียบขาว และอาจใช้ตำแหน่งในกระทรวงการต่างประเทศเพื่อยกระดับภาพลักษณ์ของตัวเองในประเทศ


Michael Waltz, National security adviser

ไมเคิล วอลทซ์ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ

"ระบอบเผด็จการได้รับการสนับสนุนจากความอ่อนแอที่รับรู้ได้ ไม่ว่าจะยุติธรรมหรือไม่ เป็นความคิดของพวกเขา และมันถูกขัดขวางด้วยความแข็งแกร่ง"

วอลซ์ซึ่งเป็นทหารผ่านศึกหน่วยรบพิเศษที่ได้รับการยกย่อง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เป็นตัวแทนของรัฐฟลอริดาเช่นเดียวกับรูบิโอ

เขาก็พูดจาด้วยท่าที่อันแข็งกร้าวต่อจีนเช่นกัน โดยเขาเคยโต้แย้งในฐานะประธานคณะอนุกรรมการสภาผู้แทนราษฎรที่เรียกร้องให้สหรัฐฯ เตรียมพร้อมรับมือกับความขัดแย้งในแปซิฟิกมากขึ้น

ในปี 2022 เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกรัฐสภาคนแรกที่เรียกร้องให้สหรัฐฯ คว่ำบาตรการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่ปักกิ่ง

เขาได้วิพากษ์วิจารณ์จุดยืนของรัฐบาลที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่ง รวมถึงเรื่องการถอนทหารออกจากอัฟกานิสถาน

เขายังวิพากษ์วิจารณ์นโยบายทางทหารของสหรัฐฯ ว่า เน้นย้ำถึงความหลากหลายทางเชื้อชาติและเพศ ความเท่าเทียม และความเสมอภาคมากกว่าความสามารถในการทำสงคราม

red line

บทวิเคราะห์: ความสัมพันธ์ที่สำคัญที่สุด

ในสมัยแรก ทรัมป์ได้จุดชนวนสงครามการค้ากับรัฐบาลกรุงปักกิ่งและเรียกโควิดว่าเป็น "ไวรัสจีน" แต่เขาก็ยกย่องประธานาธิบดีสีจิ้นผิงว่าเป็นผู้นำที่ "ยอดเยี่ยม" ที่ปกครองด้วย "กำปั้นเหล็ก"

ความคาดเดาไม่ได้นี้อาจทำให้การจัดการความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดของสหรัฐฯยากขึ้นไปอีก นอกจากนี้ รูบิโอ อาจขัดแย้งกับ ทัลซี แกบบาร์ด ซึ่งทรัมป์เลือกเป็นผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยวิพากษ์วิจารณ์เขาเรื่องนโยบายต่างประเทศ โดยกล่าวว่าเขา "เป็นตัวแทนของกลุ่มอนุรักษ์นิยมใหม่ ผู้ก่อสงคราม"

Red line

ประสิทธิภาพ: ผู้ตัดลดงบประมาณ


ทรัมป์แต่งตั้งบุคคลสำคัญในแวดวงเทคโนโลยีสองคน ได้แก่ อีลอน มัสก์ และ วิเวก รามาสวามี ให้เป็นผู้นำในความพยายามการลดต้นทุนที่เรียกว่า "กรมประสิทธิภาพรัฐบาล" (Department of Government Efficiency - Doge) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายาม "รื้อถอน" ระบบราชการเมื่อเขากลับเข้ารับตำแหน่ง

มัสก์ได้เสนอแผนลดค่าใช้จ่ายที่อาจมีมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมให้คำมั่นว่าจะส่ง "คลื่นกระแทก" ไปทั่วทั้งรัฐบาล

รามาสวามีสนับสนุนการยุบหน่วยงานจัดเก็บภาษี กรมสรรพากร และกระทรวงศึกษาธิการ

แต่ยังต้องรอดูว่ากรมประสิทธิภาพรัฐบาล ซึ่งไม่ใช่หน่วยงานรัฐบาลอย่างเป็นทางการ จะดำเนินการอย่างไร


Elon Musk, 

Government efficiency

อีลอน มัสก์ ประสิทธิภาพของรัฐบาล

"ภัยคุกคามต่อประชาธิปไตยหรือไม่ ? ไม่ใช่ มันคือภัยคุกคามต่อระบบราชการ!!!"

อีลอน มัสก์ เกิดในแอฟริกาใต้และเป็นเจ้าของ แอปพลิเคชัน "เอ็กซ์", บริษัท เทสลา และ สเปซเอ็กซ์ รวมถึงกิจการอื่นๆ เขาเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก

อีลอน มัสก์ เป็นที่รู้จักจากการต่อต้านการกำกับดูแลที่มากเกินไปของรัฐบาล การมีตัวตนในโซเชียลมีเดียที่แข็งกร้าวพร้อมต่อสู้ และการลดต้นทุนอย่างเอาจริงเอาจังหลังจากเข้าซื้อแอปพลิเคชัน "เอ็กซ์" (เดิมชื่อ ทวิตเตอร์)

มัสก์ต่อต้านความพยายามของคนที่จะให้ชื่อจุดยืนทางการเมืองของเขามานาน แต่ในปี 2024 เขากลายเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนทรัมป์ที่บริจาคและใช้เงินมากที่สุด โดยทุ่มเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการเลือกตั้งอีกครั้งของทรัมป์ และปรากฏตัวร่วมกับทรัมป์และในงานเดี่ยวและรวมถึงในรัฐสมรภูมิสำคัญ

เขาแนะนำว่าการเปลี่ยนผ่านไปสู่เทคโนโลยีใหม่สามารถทำให้รัฐบาลมีขนาดเล็กลง มีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีประสิทธิผลมากขึ้น


Vivek Ramaswamy, 

Government efficiency

วิเวก รามาสวามี, ประสิทธิภาพของรัฐบาล

"เอฟบีไออาจจะไม่ได้รับการ 'ปฏิรูป' ได้ คำตอบที่ถูกต้องคือ: ยุบทิ้ง ใช่ ประธานาธิบดีทำได้ ฉันจะทำ"

มหาเศรษฐีชาวอเมริกันเชื้อสายอินเดียคนนี้สร้างฐานะจากการเป็นผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีชีวภาพ จากนั้นจึงก่อตั้งบริษัทจัดการสินทรัพย์

เขาลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกันในปี 2024 โดยให้คำมั่นว่าจะยึดตามแนวทาง "อเมริกาต้องมาก่อน" (America First) ของทรัมป์

เป็นเวลาหลายเดือนที่ความนิยมของเขาพุ่งสูงขึ้นภายในพรรค ทำให้เขามีตำแหน่งที่โดดเด่นในระหว่างการดีเบตชิงตำแหน่งประธานาธิบดี (ซึ่งทรัมป์ไม่เข้าร่วม) และถูกสื่อจับตามองมากขึ้น

ในที่สุด เขาก็ถอนตัวเพื่อสนับสนุนอดีตประธานาธิบดี แต่ก็ได้รับความสนใจจากนโยบายการหาเสียงที่ไม่ธรรมดาของเขาและการยอมรับทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ รวมถึงที่ว่าการเลือกตั้งในปี 2020 "ถูกบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ขโมยไป" จากทรัมป์ และเหตุจลาจลที่อาคารรัฐสภาในปี 2021 เป็น "กิจการภายใน"

เขาสนับสนุนให้มีการตัดงบประมาณรัฐบาลกลางอย่างเข้มข้น รวมถึงการไล่คนออกจำนวนมากและยุบหน่วยงานและแผนกทั้งหมด

Red line

บทวิเคราะห์: เพิ่มศักยภาพให้กับกองเชียร์ผู้ช่วยหาเสียง

การแต่งตั้งดังกล่าวเป็นตอบแทนความช่วยเหลือที่ทรัมป์ได้รับจาก มัสก์ และ รามาสวามี ในการหาเสียง แต่เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าพวกเขาจะมีอำนาจต่อไปอย่างไร กระทรวงนี้ไม่ใช่หน่วยงานอย่างเป็นทางการและเพียงแค่สามารถให้คำแนะนำด้านการใช้จ่ายเท่านั้น ซึ่งงบประมาณการใช้จ่ายอยู่ภายใต้การควบคุมบางส่วนโดยรัฐสภา การตัดงบประมาณครั้งใหญ่ยังขัดแย้งกับคำมั่นสัญญาอื่นๆ ของทรัมป์ เช่น การไม่แตะต้องประกันสังคมและประกันสุขภาพ

Red line

การเปลี่ยนแปลงทั้งหมด: ผู้ก่อกวน

ผู้ได้รับแต่งตั้งจากทรัมป์หลายคนได้รับบทบาทที่มุ่งท้าทายขนบธรรมเนียมเดิม

ทรัมป์ได้เลือกการต่อสู้ที่เฉพาะเจาะจงให้ในแต่ละหน่วยงานที่พวกเขาจะดูแล เช่น เคนเนดี อยู่ในกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ ขณะที่แกบบาร์ด เป็นผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ


Robert F Kennedy Jr,

Health and human services

โรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี จูเนียร์ คุมกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์

"อาหารแปรรูปสูงเป็นตัวการที่ทำให้ป่วยเป็นมะเร็ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น