วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

INVESTIGATIVE:เปิดโปง'หม่องชิตตู่-เฉอ จื้อเจียง' ผู้ก่อตั้งชเวก๊กโก่ และองค์กรใต้ดิน 14K สู่ศูนย์กลางอาชญากรรมไซเบอร์ของโลก

 


See >>>

https://www.facebook.com/share/19y1mCBsKP/

INVESTIGATIVE:เปิดโปง'หม่องชิตตู่-เฉอ จื้อเจียง' ผู้ก่อตั้งชเวก๊กโก่ และองค์กรใต้ดิน 14K สู่ศูนย์กลางอาชญากรรมไซเบอร์ของโลก


ภาพการจับมือระหว่าง พ.อ.หม่อง ชิตตู่ ( Saw Shit Thu )ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง BGF กับ นายเฉอ จื้อเจียง ( She Zhijiang ) ในการลงนามในสัญญาลงทุนในโครงการเขตเศรษฐกิจชเวก๊กโก่  (Shwe Kokko)ในเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา เมื่อปี 2561 เป็นหลักฐานความสัมพันธ์อันแนบแน่น ระหว่าง เฉอ จื้อเจียง เจ้าพ่อคอลเซ็นเตอร์ ที่ถูกจับกุมในไทย เมื่อปี 2565 และคุมขังอยู่ในเรือนจำกลางคลองเปรม และในปี 2566 รัฐบาลจีนขอให้ส่งตัว นายเสอ จื้อเจียง เป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปดำเนินคดีเปิดบ่อนคาสิโนผิดกฏหมาย รวมถึงบ่อนพนันที่เมียนมา ซึ่งมีผู้เข้าเล่นกว่า 330,000 ราย สร้างความเสียหายกว่า 700 ล้านบาท 


ซึ่งล่าสุดนายเสอ จื้อเจียง ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนไม่ขอให้ส่งตัวกลับจีน ในขณะที่การเดินทางมาไทยของ นายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อ 28-29 ม.ค.68 ได้เข้าหารือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผ่าน พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ยืนยันต้องการตัว เสอ จื้อเจียง กลับจีน เพื่อขยายผลกวาดล้างกลุ่มจีนเทา ที่มาสร้างอาณาจักรอาชญากรรมไซเบอร์ในเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา หลอกลวงคนทั้งโลก


ท่าทีของหม่อง ชิตตู่ ผู้นำ BGF ที่ประสานมายังหน่วยงานความมั่นคงของไทยว่าจะส่งตัวชาวต่างชาติ 61 คน ซึ่งในจำนวนนั้นมีชาวจีน 39 คน มายังไทย เมื่อวันที่ 29 ม.ค.68 วันเดียวกับที่นายหลิง จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีของจีน ไปลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก แต่สุดท้ายก็ถูกเลื่อนไป โดยอ้างว่ารัฐบาลเมียนมาที่กรุงเนปิดอว์ ยังไม่อนุมัติ ยิ่งทำให้มีข้อกังขาว่า กำลังมีการต่อรองอะไรกัน ระหว่าง BGF-เมียนมา และ จีน ที่กำลังต้องการตัว เสอ จื้อเจียง ด้วยหรือไม่


ประกอบกับท่าทีของผู้แทนรัฐบาลจีน หลิว จงอี ประกาศเปิดปฏิบัติการเลาก์ก่าย 2 ที่เมียวดี กวาดล้างเมืองอาชญากรรมไซเบอร์ชื่อดังของโลก ยิ่งทำให้ชวนคิดว่า จีนจะลงมือจัดการจีนเทา ที่ร่วมมือกับกะเกรี่ยงเทา ต่างชาติเทา และ ไทยเทา ในเมืองเมียวดี ที่องค์การสหประชาชาติว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรม UNODC ระบุว่า เป็นศูนย์กลางอาชญากรรมไซเบอร์ของโลกไปแล้ว 


จากรายงาน ‘บ่อนคาสิโน การฟอกเงิน เงินนอกกฏหมาย และองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภัยคุกคามซ่อนเร้นและเร่งขยายตัว ของสำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรม องค์การสหประชาชาติ UNODC สาขาภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก เมื่อเดือนมกราคม 2567 พบว่า


เขตเศรษฐกิจพิเศษขององค์กรอาชญากรรม ชเวก๊กโก่- Shwe Kokko หรือที่รู้จักกันในชื่อ Yatai New City,Huanya International City,Saixigang Industrial Zone และ KK Park ศูนย์ปฏิบัติการก่ออาชญากรรมไซเบอร์ ในเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา เกิดขึ้นหลังจาก การร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปรามจีนกับกัมพูชาในต้นปี 2560 ในการปราบปรามธุรกิจสีเทาและธุรกิจผิดกฏหมาย ทำให้เครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่เป็นเจ้าของบ่อนการพนันในเขตเศรษฐกิจพิเศษมาเก๊า ฟิลิปปินส์ และที่อื่นๆในเอเชีย เริ่มย้ายสถานที่ ไปยังเป้าหมายที่องค์กรอาชญากรรมปฏิบัติการแทรกซึมฝังตัวอยู่ในได้ง่าย และกลายเป็นสวรรค์หลบภัยในการปฏิบัติการก่ออาชญากรรมไซเบอร์ ซึ่งพื้นที่ของกองกำลังติดอาวุธในเมียวดี เป็นทางเลือกที่น่าสนใจที่สุด


การหลอมรวมขององค์กรอาชญากรรมและกลุ่มติดอาวุธในพม่า ไม่เพียงแต่เป็นการจับมือกันของเจ้าพ่อกะเหรี่ยงเทา หม่อง ชิตตู่ กับเจ้าพ่อจีนเทา เสือ จื้อเจียง เท่านั้น 


แต่ยังมี ‘องค์กรใต้ดิน 14K' 


โดยนาย Wan  Kuok Kui สมาชิกระดับสูงขององค์กรใต้ดิน 14K เป็นนักลงทุนคนสำคัญอีกคนหนึ่งในรัฐกะเหรี่ยง ซึ่งรายงานของ UNODC ระบุว่า นาย Wan  Kuok Kui จดทะเบียนกลุ่มธุรกิจ Dongmei Group ในฮ่องกง ลงทุนหลายล้านดอลล่าร์ในอุตสาหกรรมคาสิโน และเป็นตัวจักรสำคัญในการขยายฐานปฏิบัติการหลอกลวงทางไซเบอร์ในเมืองเมียวดี


จากจุดเริ่มต้น ‘ชเวก๊กโก่-Shwe Kokko ‘ในปี 2561 โดยคณะกรรมการการลงทุนของพม่า Myanmar Investment Commission-MIC ได้เห็นชอบข้อเสนอการลงทุนจำนวน 22.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นเงินสดในโครงการ Shwe Kokko ในเมืองเมียวดี โดยมีแผนการสร้างวิลลา 59 แห่ง บนเนื้อที่ 63.75 ไร่ ในเวลา 3 ปี ผู้พัฒนาโครงการคือ Myanmar Yathi ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัทก่อสร้างและทำเหมืองชื่อ Chit Lin Myaing Company หรือ Chit Linn Myaing Company ของ พ.อ. Saw Shit Thu 


รายงานของ UNODC ระบุว่า หม่อง ชิตตู่ ถูกคว่ำบาตรโดยองค์กรสิทธิมนุษยชนของประเทศอังกฤษเมื่อเดือนธันวาคม 2566 กับกองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง Karen BGF ซึ่งถือหุ้นร้อยละ 20 และกลุ่ม Yatai International Holding Group ซึ่งนายเสอ จื้อเจียง เป็นเจ้าของ ซึ่งถูกประเทศอังกฤษคว่ำบาตรเช่นเดียวกัน


ภายในเวลาไม่ถึง 7 ปี จากการเกิดขึ้นของ 'ชเวก๊กโก่' ได้ขยายอาณาจักร ไปยังเขตเศรษฐกินพิเศษหวันยา เคเคปาร์ค ในพื้นที่อิทธิพลของ BGF ปัจจุบันยังขยายไปยังบ้านช่องแคบ และบ้านผาลู ในพื้นที่อิทธิพลของกองกำลังกะเหรี่ยง DKBA ที่ตั้งอยู๋ในเมืองเมียวดี ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเมย อ.แม่สอด และ อ.พบพระ จ.ตาก ของไทย 


การเติบโตของศูนย์กลางอาชญากรรมไซเบอร์ระดับโลก ที่ปัจจุบัน หลอกลวงชาวต่างชาติจากไม่ต่ำกว่า 60 ชาติ จำนวนหลายหมื่นคน มาเป็นสแกมเมอร์ ในธุรกิจคอลเซ็นเตอร์ และจำนวนมากถูกบังคับให้ทำงาน ถูกทรมาน มีการค้าขายอวัยวะ เป็นตลาดค้ามนุษย์ สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายอาชญกรรมระดับสูง และการสนับสนุนจากกลุ่มไทยเทา ที่ต้องส่งทุกอย่างผ่านชายแดนไทย


'องค์กรใต้ดิน 14K' ที่มีชื่อนาย Wan  Kuok Kui สมาชิกระดับสูงนั้น พบด้วยว่าในเดือนธันวาคม 2563 นาย Wan  Kuok Kui  ถูกสำนักงานควบคุมทรัพย์สิน กระทรวงการคลังสหรัฐฯ OFAC ระบุว่าเป็นหัวหน้าใหญ่ขององค์รใต้ดินและธุรกิจผิดกฏหมาย


รายงานของ UNODC ระบุด้วยว่า เมืองเมียวดีดึงดูดกลุ่มติดอาวุธหลายกลุ่มเข้ามาลงทุน รวมทั้งกองทัพรวมแห่งรัฐว่า UWSA ได้ลงทุนผ่านกลุ่มบริษัททางการเกษตรที่มาเปิดสำนักงานที่เมือง Shwe Kokko  นอกจากนี้กองกำลังพิทักษ์ชายแดนโกกั้ง Konkang- BGF ก็ได้ลงทุนในเขตควบคุมของกองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง BGF


และยังลงทุนจำนวนมากในบริษัทของ พ.อ.ชิตตู่ และยังมีบริษัทในเมืองเมียวดีที่เกิดจากการร่วมทุนของ 2 กองกำลัง มีการลงทุนตั้งบ่อนคาสิโนหลายแห่งในเมืองเล่าก์ก่าย ในเขตพิเศษโกกั้ง ซึ่งปลายปี 2566 รัฐบาลจีนได้เข้าไปกวาดล้าง จนแก๊งค์อาชญากรรมไซเบอร์ย้ายฐานมาที่เมืองเมียวดี


ก่อนหน้านั้นในปี 2562 รัฐบาลจีน เปิดปฏิบัติการทลายห่วงโซ่ Operation Chain Break  หลังพบว่า  องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติได้ขยายการใช้เงินคริปโต และพัฒนาเทคโนโลยีที่ซับซ้อนอื่นๆ จีนกำลังประสบกับการขยายตัวอย่างรุนแรงของการพนันออนไลน์ข้าพรมแดนจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เชื่อมโยงกับอาชญากรรมต่างๆไม่ว่าจะเป็นการค้ายาเสพติด การฟอกเงิน การลักพาตัว และการจับตัวมากักกัน  


ซึ่งหลอมรวมกันอยู่ในเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ริมแม่น้ำเมย ตรงข้าม อ.แม่สอด และ อ.พบพระ จ.ตาก ของไทย ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น 


‘ศูนย์กลางอาชญากรรมไซเบอร์ของโลก’


ท่าทีของรัฐบาลจีน ที่ประกาศกวาดล้างเมืองเมียวดี แบบเมืองเลาท์ก่าย ในรัฐฉานเหนือ จึงเป็นสิ่งที่รัฐบาลไทย จะต้องเตรียมการและขยับตัวมาเป็นผู้นำ ที่ไม่ใช่ผู้ตาม !!


นอกเสียจากจะหลับหูหลับตาเพื่อรักษาผลประโยชน์ของใคร ในขณะที่คนไทย คนทั่วโลก ยังถูกหลอกหลวงสูญเสียเงินทุกวัน 


และมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นจากการคาดการณ์ของ UNODC ระบุว่า รายได้ของอาชญากรไซเบอร์ จะเติบโต 600% ในปี 2573 และมีมูลค่ากว่า 6 ล้านล้านบาท ซึ่งสูงกว่า 6 เท่าตัวของเงินงบประมาณแผ่นดินของไทยในแต่ละปี 


รายงาน : ฐปณีย์ เอียดศรีไชย


#TheReporters  #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #คอลเซ็นเตอร์ #อาชญากรรมไซเบอร์ #เมียวดี #เมียนมา #ไทย #จีน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น