วันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2564

🌇City of London คือ..?? "The Crown"-เบื้องหลังการเงินโลก

 See >>>

https://www.facebook.com/100048244973565/posts/363802981904531/


City of London คือ..??

"The Crown"-เบื้องหลังการเงินโลก

ว่ากันว่า... มงกุฎที่แท้จริงของอังกฤษนั้น ไม่ได้อยู่ใน Westminster หรือถูกสวมใส่โดยองค์ราชินี


แต่ถูกสวมใส่โดยสถานที่แห่งหนึ่ง...

"City of London"

City of London นั้นได้รับสิทธิพิเศษมากมาย 


นับตั้งแต่การพิชิตอังกฤษของชาวนอร์มัน  เช่น สิทธิในการปกครองตนเอง ซึ่งก็มาจากอำนาจด้านเงินทุนของ The City เอง


โดยถูกระบุไว้ในธรรมนูญของวิลเลียมและแมรี ปี 1960 (Statute of William and Mary)


หน่วยงานสำคัญของที่นี่

มีชื่อว่า "City of London Corporation"


ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีลักษณะเฉพาะไม่เหมือนใครในสหราชอาณาจักร ทำหน้าที่สารพัดบทบาท มี Lord Mayor of London เป็นผู้ปกครองสูงสุด


William Russell คือ Lord Mayor คนล่าสุด ในลำดับที่ 692 (ณ พฤศจิกายน 2019)


The City of London เป็นศูนย์กลางทางการค้าและการเงินนับตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 19 เป็นศูนย์กลางของธุรกิจหลักๆ ทั่วโลก และเป็นสถานที่นัดพบทางธุรกิจแห่งสำคัญของโลก


City of London ติดอันดับต้นๆ ในชาร์ตของ Worldwide Centres of Commerce Index ซึ่งถูกตีพิมพ์ในปี 2008 


มีบริษัทประกันภัยมากมายล้อมรอบอาคาร Lloyd's building

ที่นี่เป็นศูนย์กลางอำนาจทางการเงินของโลก และเป็นอาณาจักรขนาดเพียง 1-2 ตารางไมล์ที่ร่ำรวยที่สุดบนโลก ประกอบไปด้วยกิจการทางการเงินที่สำคัญๆ ได้แก่


- Bank of England ซึ่งมีตระกูล Rothschild อยู่เบื้องหลัง


- Lloyd's of London หนึ่งในตลาดประกันภัยขนาดใหญ่ของโลก


- London Stock Exchange ตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน หรือก็คือดัชนี FTSE


- ธนาคารทั้งหมดในอังกฤษ


- สำนักงานสาขาของธนาคารต่างประเทศเกือบ 400 แห่ง


- และธนาคารจากสหรัฐฯ อีกกว่า 70 แห่ง


The City มีศาลปกครองเป็นของตัวเอง มีกฏหมายของตัวเอง และมีกองกำลังตำรวจของตัวเองอีกด้วย ซึ่งไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ Greater London ของอังกฤษ หรือของเครือจักรภพอังกฤษ


เป็นเวลาหลายศตวรรษที่ Bank of England เป็นศูนย์กลางของการกลโกงทางการเงิน

(ต้นฉบับใช้คำว่า fraudulent) ด้วย

"ระบบโครงสร้างหนี้" ภายใต้ fiat currency


ว่ากันว่า กลุ่มที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลัง City of London

คือ กลุ่มชาวยิวจากตระกูล "Rothschild"


กลุ่มพันธมิตรทางการเงินของตระกูล Rothschild 

ยังคงควบคุมระบบการเงินทั่วโลกอย่างเข้มงวดผ่านทาง

- The Bank for Intl. Settlements (BIS)

- Intl. Monetary Fund (IMF)

- World Bank

- ธนาคารกลางทั่วโลก (Federal Reserve โดยกลุ่มที่อยู่ใต้อาณัติชาวอเมริกัน)

- ธนาคารบริวาร และธนาคารเงา ใน Caribbean


กลุ่ม Rothschild สามารถกำหนดทิศทางของค่าเงินทั่วโลกได้ โดยอาศัยเพียงปลายปากกาเท่านั้น


มันคือการควบคุมปริมาณเงิน (Money supply) เพื่อเข้าควบคุมกิจการทั่วโลกผ่านทางเครือข่ายทางการเงินอันซับซ้อนของตนเอง


โดยให้การสนับสนุนทางการเงินกับคู่กรณีในเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ทั้ง 2 ฝ่าย 


ผ่านการประสานงานกับผู้อำนวยการบริษัทผลิตอาวุธ มีส่วนร่วมกับแผนการลดจำนวนประชากรทั่วโลก 


ไม่ว่าจะเป็น ในสงครามครูเสด การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ 


การควบคุมจัดหาอาหาร และยา และสิ่งจำเป็นพื้นฐานของมนุษย์ทั้งหมด


พวกเขาปกป้องตัวเองจากแสงสปอตไลท์ที่พยายามส่องเข้ามาทุกข้อกล่าวหา รวมไปถึงการปกป้องตัวเองจากกระบวนการต่อต้านชาวยิว ด้วย


การเข้าควบคุมสิ่งที่เรียกว่า "free press" (ความเป็นอิสระของสื่อมวลชน)

"ลัทธิไซออนิสต์" (Zionism) ของพวกเขา 


เข้าแทรกซึมระบบการเงินทั่วโลก ด้วยพลังที่ไร้ขีดจำกัด!!


"The Crown" หรือ มงกุฎ ที่ไม่ใช่ราชวงศ์อังกฤษ

"The Crown" เป็นองค์กรอิสระที่ตั้งอยู่ใน Greater London

มีคณะบริหาร 12 คน ปกครองอาณาเขตอิสระ

ภายใต้ Lord of Mayor 


โดยมี S.J. Berwin เป็นตัวแทนด้านกฎหมาย มีคณะกรรมการ 12 คน ซึ่งปกครองดินแดนที่ได้ชื่อว่าเป็น

"นครวานิกันของชาวยิว" (Jewish Vatican)


พวกเขาถูกรู้จักกันในชื่อ "The Crown"


The City และเหล่าผู้ปกครองนคร ไม่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐสภาอังกฤษ พวกเขาเป็นรัฐอธิปไตยที่ขึ้นกับตัวเอง และเมืองนี้เป็นศูนย์กลางทางการเงินของโลก


มีฐานปฏิบัติการของตระกูล Rothschild ตั้งอยู่ที่นี่ 


ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการควบคุมกิจการต่างๆ ไปทั่วโลก ดังต่อไปนี้

- The Central Bank of England (ถูกควบคุมโดย Rothschild) ซึ่งตั้งอยู่ใน The City

- ธนาคารรายใหญ่ๆ ทั้งหมดในอังกฤษล้วนมีออฟฟิศตั้งอยู่ใน  The City

- สำนักงานสาขาของธนาคารต่างประเทศ 385 แห่ง ตั้งอยู่ใน The City

- ธนาคาร 70 แห่งของสหรัฐฯ ตั้งอยู่ใน The City

- ตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน (FTSE Index) ตั้งอยู่ใน The City

- Lloyd’s of London ตลาดประกันภัยรายใหญ่ ตั้งอยู่ใน The City

- The Baltic Exchange (ซึ่งคอยกำหนดค่าระวางเรือ และสัญญาการขนส่งทางเรือ) ตั้งอยู่ใน The City

- Fleet Street (ถนนอันเป็นที่ตั้งของสำนักงานหนังสือพิมพ์ และสื่อต่างๆ) ตั้งอยู่ใน in The City

- The London Metal Exchange (ตลาดซื้อขายโลหะล่วงหน้า) ตั้งอยู่ใน in The City

- The London Commodity Exchange (ตลาดซื้อขายยาง, ขนสัตว์, น้ำตาล, กาแฟ) ก็ตั้งอยู่ใน The City

ทุกๆ ปีจะมี Lord of Mayor ถูกเลือกมาเป็น Manarch of The City (ราชาแห่ง City)


รัฐสภาอังกฤษจะไม่เคลื่อนไหวใดๆ หากยังไม่ได้ปรึกษากับทาง Lord Mayor of The City เสียก่อน


ณ ใจกลางนครลอนดอนแห่งนี้ The City จะถูกรวมเข้าด้วยกันกับสถาบันทางการเงินของสหราชอาณาจักรซึ่งควบคุมโดยธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) โดยมีกลุ่ม Rothschild ควบคุมอยู่เบื้องหลังอีกที


ตระกูล Rothschild คือผู้คัดเลือก Lord Mayor of The City ด้วยตัวเองมาตั้งปี 1820


ใครจะได้เป็น Lord Mayor คนต่อไป?

คงมีเพียงตระกูล Rothschild เท่านั้นที่รู้...


City of London เข้ามามีอำนาจในอังกฤษได้อย่างไร?


มันเริ่มจากการเข้ามาของตระกูล Rothschild...

เมื่อปี 1750 "Mayer Amschel Bauer" ได้เปิดธุรกิจสินเชื่อที่ Judenstrases (ถนนชาวยิว) ในแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี และได้เปลี่ยนชื่อเป็น "Rothschild"


Mayer Rothschild มีบุตรชาย 5 คน

Nathan Mayer von Rothschild บุตรคนที่ 3 บุตรชายที่ฉลาดที่สุดของเขา ถูกส่งไปยังลอนดอนเพื่อเปิดกิจการธนาคารในปี 1806 (N M Rothschild & Sons.)


เงินทุนเริ่มต้นของธนาคารแห่งใหม่ในอังกฤษส่วนใหญ่ 


ได้รับการสนับสนุนจาก British East India Company 


ซึ่ง Mayer Rothschild มีอำนาจควบคุมอยู่เบื้องหลัง


นอกจากนี้ Mayer Rothschild ยังได้วางบุตรชายที่เหลืออีก 4 คน ไปอยู่ที่ แฟรงค์เฟิร์ต, ปารีส, เนเปิลส์ และกรุงเวียนนา


Amschel Mayer von Rothschild บุตรชายคนโตของตระกูล บริหารที่ Frankfurt ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของ ธนาคาร Rothschild (M.A. Rothschild and Sons.)

Salomon Mayer von Rothschild บุตรคนที่ 2 ก่อตั้งและบริหารอยู่ที่ เวียนนา ประเทศออสเตรีย (S.M. Rothschild and Sons.)


Calmann Mayer von Rothschild บุตรคนที่ 4 ก่อตั้งและบริหารงานที่ เนเปิล ประเทศ อิตาลี


James Mayer von Rothschild บุตรคนที่ 5 ก่อตั้งและบริหารงานที่ ปารีส ประเทศ ฝรั่งเศส (Messieusde Rothschild Freres)


ในปี ค.ศ. 1814 Nathan Rothschild ได้มองเห็นโอกาสทำกำไรในศึก Battle of Waterloo ระหว่างอังกฤษ กับ ฝรั่งเศส


ซึ่งในช่วงแรกของการต่อสู้ Napoleon ดูเหมือนจะเป็นฝ่ายชนะ และมีการรายงานทางทหารครั้งแรกที่กรุงลอนดอนถึงโอกาสพ่ายแพ้สงครามของอังกฤษ


แต่ต่อมา กระแสสงครามได้พลิกกลับมาเป็นของฝั่ง Wellington


ตระกูล Rothschild ซึ่งได้วางเครือข่ายข่าวสารไปทั่วทั้งยุโรป 


ถนนทุกสายในฝรั่งเศสจะมีหน่วยข่าวของตระกูล Rothschild


ก่อนสงครามเริ่มเพียงหนึ่งวัน หน่วยข่าวกรองอันแม่นยำของตระกูล Rothschild ได้ออกจากสนามรบในฝรั่งเศสมุ่งตรงสู่ ลอนดอน


Nathan Rothschild ได้รับจดหมายข่าวจากสมรภูมิ

และในเวลาต่อมามีการเทขายพันธบัตรของอังกฤษออกมาเป็นแสนปอนด์ หลังจากนั้นมีการกระหน่ำเทขายออกมาในปริมาณมหาศาล


มูลค่าของพันธบัตรอังกฤษเข้าสู่ภาวะพังทลายอย่างรวดเร็ว มีการปล่อยข่าวการพ่ายแพ้ของลอร์ดเวลลิงตันในตลาดหุ้นลอนดอน


เพียงเวลาไม่กี่ชั่วโมงมูลค่าพันธบัตรของอังกฤษเหลือมูลค่าเพียง 5%

และในระยะเวลาไม่นาน Nathan Rothschild และพนักงานเข้าซื้อพันธบัตรของอังกฤษทุกใบที่มีการขายในตลาด (ซึ่งราคาถูกมาก)


ในคืนนั้นเองคนถือสารจากลอร์ดเวลลิงตันเดินทางมาแจ้งชัยชนะที่มีต่อกองทัพนโปเลียนที่พ่ายแพ้อย่างย่อยยับหลังการรบที่ใช้เวลาถึง 8 ชั่วโมง


ข่าวนี้มาถึงช้ากว่า Nathan Rothschild หนึ่งวัน


ในวันรุ่งขึ้นเขามีกำไรมากกว่า 20 เท่า และเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของธนาคารกลางอังกฤษ (Bank Of England)


Nathan Rothschild ได้ถือครองพันธบัตรของอังกฤษจนเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุด


พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยมีภาษีของประชาชนเป็นภาระในการชำระดอกเบี้ยและเงินต้น แทนที่จะถูกจ่ายให้กับรัฐบาล กลับถูกจ่ายให้กับธนาคาร Rothschild แทน


และทำให้เขาเป็นต่อ เป็นผู้กำหนดนโยบายการเงินการหมุนเวียนทางการเงินของอังกฤษตัวจริง


การเงินของจักรวรรดิพระอาทิตย์ไม่ตกดิน (ฉายาของอังกฤษที่ Nathan เรียก) อยู่ในกำมือของตระกูล Rothschild และมีอำนาจเหนือรัฐบาล


สามารถบังคับให้อังกฤษยกเครื่องธนาคารกลางขึ้นมาใหม่ โดยมี Nathan Rothschild เป็นผู้กำกับอยู่เบื้องหลัง


พวกเขาอยู่เบื้องหลังของ "Committee of 300" 


ซึ่งคอยให้การสนับสนุนการดำเนินงานของ The Crown

ซึ่งประกอบไปด้วยบริษัทต่างๆ ที่ตั้งอยู่ในลอนดอน 


ดังต่อไปนี้

- Rockefeller

- Gore

- Greenspan

- Kissinger

- Krugman (NYTimes)

- Powell

- Gates

- Buffet

- Bush, และอีกมายมาย


ทำไมจึงมีคนอเมริกันอยู่ในรายชื่อคณะกรรมการ?

เพราะ The Crown ยังมีฐานะเป็นเจ้าของบริษัทเอกชนสัญชาติอเมริกันหลายๆ แห่งอยู่ด้วย!!


ท่าน Lord Mayer และสมาชิกคณะกรรมการ 12 คน ของ The City ซึ่งเป็นเสมือนตัวแทนของ The Crown และมีชื่อติดอยู่ในลิสต์ 13 ผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก


กลุ่มธนาคารที่ทรงอำนาจมากที่สุดที่ควบคุมกำกับโดย

"ราชวงศ์ Rothschild"


ประกอบไปด้วย

- Warburgs

- Oppenheimers

- Schiffs

ครอบครัว และลูกหลานของตระกูลเหล่านี้ 


บริหารงานอยู่ใน Corporation of London


ตระกูล Rockefeller ดูแลเครือข่ายของ Crown ชาวอเมริกัน ผ่านการเข้าไปเป็นกรรมการอยู่ในบริษัท...

- JP Morgan Chase

- Bank of America

- Brown Brothers Harriman (BBH)


ควบคู่ไปกับอาณาจักรน้ำมัน Exon-Mobil ของพวกเขา

(ชื่อเดิมคือ Muti-head Colussus Standard Oil)


พวกเขายังบริหารบริษัทของกลุ่ม Rothschild อย่าง Rothschild oil asset British Petroleum (BP) อีกด้วย


Crown Corporation ควบคุมกิจการในดินแดนอาณานิคมของ Crown ทั่วโลกอย่าง แคนาดา, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และหมู่เกาะต่างๆ ในทะเลแคริเบียน


รัฐบาลอังกฤษ และนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ ต้องคอยทำหน้าที่ออกสื่ออยู่เบื้องหน้า เพื่อปกปิดซ้อนเร้นอำนาจควบคุมของ The Crown ไว้เบื้องหลัง...


ขอบคุณข้อมูลท่าน: Tee Lirakkuma

#Ttango256417Q

Q6 July 2Q21

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น