วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2565

สหรัฐ สร้างความทุกข์สงคราม! แต่จีน สร้างความสุขปลดหนี้ให้ชาวโลกยากจน

 See >>>

https://www.facebook.com/112136971373318/posts/pfbid031V4vcF26mi4Sc6pzFTmVeLWePSmfTx4ATYJwda4P3Gv9aWxJPqWVnaA6bovGNck9l/



สหรัฐ สร้างความทุกข์สงคราม! แต่จีน สร้างความสุขปลดหนี้ให้ชาวโลกยากจน

        ปี ค.ศ.1500 ชนเผ่าแองโกล-แซกซอน จากอังกฤษ สเปน ฝรั่งเศส ฯลฯ อพยพย้ายถิ่นฐานจากยุโรป ไปทวีปอเมริกากลาง รุกรานแย่งชิง ทำสงครามปล้น บังคับซื้อดินแดนด้วยเงิน จากชนพื้นเมือง ขณะนั้นมีชนพื้นเมืองดั้งเดิมเผ่าอินเดียนแดง ราว 5 ล้านคน เมื่อเผ่าใดไม่ยินยอมแต่โดยดีก็ใช้ "อาวุธชีวภาพ" ที่โด่งดังคือ "โรคฝีดาษ" ทำให้ช่วงนั้นชาวอินเดียนแดงเสียชีวิตจากโรคระบาดไปจำนวนมาก จนประชากรเผ่าอินเดียนแดงลดลงอย่างมาก (ปัจจุบันเหลือแค่ 250,000 คน) เมื่อกดหัวชนพื้นเมืองด้วยปืนได้แล้วชาวยุโรปเหล่านั้น ก็ทำสงครามฆ่าฟันรบกันเองเสียชีวิตเป็นใบไม่ร่วง กว่าจะรวมชาติกันได้ก็ทำสงครามกันจนอ่วมไปตามๆ กัน ต่อมาปี 1776 รัฐต่างๆ รวมกันเป็นประเทศสหรัฐอเมริกา

         จากวันนั้นเวลาผ่านไป 243 ปีถึง 2019 มีรายงานการศึกษาเรื่อง "การเริ่มต้นโครงการแทรกแซงทางทหาร : ชุดข้อมูลใหม่เกี่ยวกับการแทรกแซงทางทหารของสหรัฐฯ ปี 1776-2019" ระบุว่ากองทัพสหรัฐฯ ได้ทำสงครามรุกรานประเทศอื่นที่อ่อนแอกว่ามาตลอด ก่อสงครามใหญ่มาแล้วเกือบ 400 ครั้ง โดยเฉพาะช่วงแค่ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ได้ทิ้งระเบิดและยิงขีปนาวุธใส่เด็ก ผู้หญิง คนชรา เฉลี่ย 46 ลูกต่อวัน "ทุกวัน" โดยอ้างว่าต้องสังหารหมู่ชีวิตผู้คนทั่วโลกหลายล้านคนเพื่อ "ปกป้องสิทธิมนุษยชน ช่วยเหลือทางมนุษยธรรมและปกป้องประชาธิปไตย" ซึ่งขัดกับการกระทำล้างผลาญชีวิตคนบริสุทธิ์

         การทำสงครามของสหรัฐจึง "ไม่มีจุดสิ้นสุด" เพื่อจุดมุ่งหมายสนับสนุนอุตสาหกรรมอาวุธทางทหาร สงครามที่เกิดขึ้นทั่วโลก สหรัฐฯ จงใจวางแผนทำและคำนวณเพื่อเพิ่มยอดขายอาวุธถึงสูงสุด เป็นการสมรู้ร่วมคิดระหว่างบริษัทผู้ผลิตอาวุธ และผู้กำหนดนโยบายต่างประเทศที่เข้าไปถือหุ้นในการส่งเสริมผลักดันให้เกิดสงคราม , ต้นเดือน ส.ค. ลินดา โธมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ ได้เดินทางเยือนยูกันดา และกานา  พร้อมกับข่มขู่ประเทศในแอฟริกาว่าห้ามพวกเขาไม่ให้ค้าขายอย่างเป็นธรรมหรือรับความช่วยเหลือจากรัสเซีย ไม่งั้นจะเจอดี , นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางไปเยือนแอฟริกาใต้ คองโก และรวันดา เช่นกัน กดดันบังคับขู่เข็ญให้ลดความสัมพันธ์ระหว่างแอฟริกากับจีนและรัสเซีย ไม่งั้นจะเจอดีแบบโซมาเลีย ที่สหรัฐทิ้งระเบิดใส่มา 3 รอบแล้วฐานมีความสัมพันธ์กับรัสเซีย-จีน

          หันมายังจีน ในประวัติศาสตร์กองทัพจีนไม่พบไปก่อสงครามที่ไหนมากมายแบบสหรัฐ เต็มที่ก็ช่วยเกาหลีเหนือที่ถูกสหรัฐ ยกพวกไปรุม และช่วยไทยให้รอดจากเวียดนามยุกยึด , จีน ที่ร่ำรวยจากค้าขายทำมาหากิน จึงเป็นประเทศเจ้าหนี้เงินกู้รายใหญ่ที่สุดของชาติกำลังพัฒนาทั่วโลก จึงมักถูกชาติตะวันตกสร้างภาพให้ร้ายป้ายสีว่า เงินกู้จีนกับชาติแอฟริกาและประเทศยากจนในภูมิภาคอื่นๆ ทำให้เกิด "กับดักหนี้" ขึ้น ชาติที่กล่าวหาเช่นนั้น เพราะไม่อยากเห็นแอฟริกามีการพัฒนา , ข้อมูลจากสถาบันศึกษาก้าวหน้าระหว่างประเทศ ของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ สหรัฐฯ พบว่า ตั้งแต่ปี 2000 จีนได้ประกาศยกหนี้เงินกู้ให้กับประเทศในแอฟริกาหลายรอบ เฉพาะในปี 2019 ยกหนี้ไปจำนวนกว่า 3,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 1.2 แสนล้านบาท 

         โดยเกือบทั้งหมดเป็นหนี้เงินกู้ระหว่างประเทศแบบไม่มีดอกเบี้ย การยกหนี้แบบนี้ก็คือ "การช่วยเหลือแบบให้เปล่า" นั่นเอง , ล่าสุดสัปดาห์ก่อน จีนสร้างความตกตะลึงในความมีมนุษยธรรมส่งเสริมสิทธิมนุษยชน โดยนายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ประกาศในที่ประชุมความร่วมมือจีน-แอฟริกา "ยกหนี้เงินกู้ปราศจากดอกเบี้ย 23 รายการ ให้กับ 17 ประเทศในแอฟริกา พร้อมโยกเงินทุนสำรองกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ของตน ไปให้กับชาติต่างๆ ในแอฟริกาและภูมิภาคอื่น ๆ ด้วย" ซึ่งแซมเบียได้ประโยชน์จากการยกหนี้ในรอบนี้มากที่สุด ส่วนหนี้อีกส่วนเป็นเงินกู้แบบผ่อนปรน ที่มีระยะเวลาในการชำระเงินคืนยาวนานกว่าเงินกู้ทั่วไป มีอัตราดอกเบี้ยต่ำมาก และเงินกู้เพื่อการพาณิชย์ หนี้ประเภทนี้ยังคงอยู่ 

         แต่จากผลกระทบทางเศรษฐกิจมาตั้งแต่ก่อนโควิด-19 ดังนั้นจีนจึงช่วยเหลือโดยการปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ให้กับประเทศลูกหนี้ในแอฟริกาเหล่านี้ เพื่อลดผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางทั่วโลก รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จนสุ่มเสี่ยงที่อาจทำให้ประเทศลูกหนี้เงินกู้ยากจนไม่สามารถชำระหนี้ต่างชาติได้ จนอาจเกิดการผิดนัดชำระหนี้ ที่เงินกู้ส่วนนี้เป็นเงินหมุนเวียนและปริมาณมากถ้ายกหนี้ให้ฟรีจะทำให้กระแสกองทุนเงินหมุนเวียนให้กู้จีนกระทบได้ ในขณะเดียวกัน จีนก็มีส่วนสำคัญโดยร่วมมือกับประเทศในกลุ่ม G20 ช่วยผลักดันให้เกิดข้อตกลงปลดหนี้ หรือ ชะลอการชำระหนี้ของลูกหนี้ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจจากการระบาดของโควิด-19 แต่ไม่เกี่ยวข้องกับสงคราม 

         จีนยืนยันว่าโครงการเงินกู้และสินเชื่อที่จีนให้กับหลายชาติในแอฟริกานั้น ก็เพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน ไม่ได้เป็นเงื่อนไขแลกเปลี่ยน กับการอ่อนข้อทางการค้าและการทูตแก่จีนแต่อย่างใด นอกจากนี้ จีนให้คำมั่นที่จะเสริมสร้างการค้ากับแอฟริกา และได้ทำข้อตกลงกับ 12 ประเทศในทวีปนี้ เพื่อยกเลิกภาษี 98% ของผลิตภัณฑ์ที่ชาวแอฟริกายากจนส่งออกไปยังจีน เพิ่มความสามารถในการแข่งขันของสินค้า พร้อมทั้งย้ำว่า จีนจะยังคงให้ความช่วยเหลือด้านอาหาร เศรษฐกิจ และการทหารแก่แอฟริกา เพิ่มเติมจากความช่วยเหลือเดิมเพื่อการพัฒนา จีนยังได้เสนอการลงทุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ในโครงสร้างพื้นฐานความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่ายเพื่อความผาสุกของประชาชน 

       ไม่ใช่การแข่งขันระดับประเทศใหญ่ เพื่อผลประโยชน์ทางภูมิรัฐศาสตร์ ไม่ใช่เพียงเพื่อหาพันธมิตรสร้างบรรยากาศสงครามเย็นแบบที่สหรัฐกำลังทำอยู่ ความเคลื่อนไหวของจีน กับบรรดาประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะในแอฟริกา ช่วยส่งเสริมโครงการ Belt and Road Initiative โครงสร้างพื้นฐานของโลก "ย้ายศูนย์กลางเศรษฐกิจโลกไปทางทิศตะวันออก"..ถ้าสหรัฐ มีมนุษยธรรม เคารพสิทธิมนุษยชน และประชาธิปไตย แท้จริงให้ใจป้ำประกาศยกหนี้ให้ทั่วโลกแบบจีนทำ และประกาศถอนฐานทัพ 850 แห่งกลับบ้านไม่รุกรานทำสงครามกับนานาชาติอีก  แค่นี้โลกก็สงบแล้ว..จีนสู้ต่อไป ชนะพวกอำมหิตสังหารคนอ่อนแอแน่นอน 🥳🥰


ที่มา : Reuters ,  xinhuathai , press tv , TNNWorldNews 

#WorldUpdate

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น