See>
https://www.facebook.com/groups/412122679950344/permalink/533062427856368/
จะสร้างยูเอฟโอได้อย่างไร?
โดย: МАРТ/ 27, 2017
บางทีเป้าหมาย " ยานอวกาศต้านแรงโน้มถ่วง " ของชื่อเรื่องอาจสูงเกินไป (มันยังอีกยาวไกล) แต่เทสลาตามด้วยนักวิทยาศาสตร์คนอื่น ๆ ในศตวรรษที่แล้วค้นพบหลักการขับเคลื่อนโดยใช้สนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่แข็งแกร่ง ไม่ได้เกี่ยวกับการเดินทางบนพื้นดิน แต่จากพื้นดินด้วยความเร็วและความง่ายดายที่ไม่ธรรมดา
เอกสารทั้งหมดจะถูกโพสต์บน panaceauniversity org / D8.pdf นี่คือคำอธิบายสั้น ๆ ว่า "ยานอวกาศ" ทำอะไรได้บ้างและจะสร้างได้อย่างไรตามที่ Patrick J. Kelly อธิบายไว้ ( อัปเดต: เอกสารที่ฉันกล่าวถึงในปี 2008 ไม่มีอยู่อีกต่อไป) :
“ เทสลาทำการทดลองที่เขาใช้กระแสสลับความถี่สูงแรงดันสูงกับแผ่นโลหะคู่ขนาน เขาพบว่า 'ช่องว่าง' ระหว่างแผ่นเปลือกโลกกลายเป็นสิ่งที่เขาอธิบายว่า "สถานะของแข็ง" แสดงคุณลักษณะของมวลความเฉื่อยและโมเมนตัม นั่นคือพื้นที่เปลี่ยนเป็นสถานะที่สามารถออกแรงผลักเชิงกลได้ นี่เป็นนัยว่าโดยใช้เทคนิคนี้น่าจะเป็นไปได้ที่จะสร้างยานอวกาศไดรฟ์ที่ใดก็ได้ในอวกาศหากสามารถกำหนดกลไกในการผลักดันกับพื้นที่ 'โซลิดสเตต' ได้ การทดลองเพิ่มเติมทำให้ Tesla เชื่อว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าทรงพลังสามารถใช้เพื่อผลักดัน (และดึงต่อต้าน) สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็น 'พื้นที่ว่าง' หลักการขับเคลื่อนเป็นไปตาม Hall-effect ที่ใช้ในเซ็นเซอร์แม่เหล็กเซมิคอนดักเตอร์และเรียกว่าผลแมกนีโตไฮโดรไดนามิค (“ MHD”) อาจมีภาพประกอบดังนี้:
ที่นี่กล่องถูกสร้างขึ้นด้วยแผ่นโลหะสองแผ่นที่สร้างด้านตรงข้ามกันและแผ่นฉนวนสองแผ่นยึดไว้ในตำแหน่งและล้อมรอบพื้นที่ของ 'อวกาศ' กระแสสลับแรงดันสูงความถี่สูงถูกนำไปใช้กับแผ่นโลหะและสิ่งนี้จะสร้างสนามไฟฟ้า“ E” ที่ทำหน้าที่ระหว่างแผ่นเปลือกโลกดังที่แสดงเป็นสีดำ
สนามแม่เหล็ก“ B” ถูกสร้างขึ้นโดยสนามไฟฟ้า สนามแม่เหล็กทำมุมฉากกับสนามไฟฟ้าดังที่แสดงเป็นสีน้ำเงิน ฟิลด์ทั้งสองนี้สร้างแรงขับดัน“ F” ที่แสดงเป็นสีแดงในแผนภาพ แรงขับนี้ไม่ได้เกิดจากการดีดสสารใด ๆ ออกจากกล่อง แต่เกิดจากปฏิกิริยาต่อต้านสภาวะ 'โซลิดสเตท' ของสเปซ - ไทม์ที่เกิดจากการเต้นของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่สูงของพื้นที่นั้น สิ่งนี้มีประสิทธิภาพมากกว่าเครื่องยนต์เจ็ทอย่างมาก แรงขับจะเพิ่มขึ้นตามกำลังที่สี่ของความถี่ดังนั้นหากคุณเพิ่มความถี่เป็นสองเท่าผลกระทบจะมากกว่าสิบหกเท่า
เพื่อให้มองเห็นสิ่งนี้ให้พิจารณาแรงที่กระทำกับแรงโน้มถ่วงเพื่อยกวัตถุขึ้นไปในอากาศ แรงที่ดึงวัตถุลงด้านล่างคือแรงโน้มถ่วงและความแรงของมันถูกกำหนดโดย:
แรงโน้มถ่วง:
F = gx M xm / r2
โดยที่
G คือค่าคงที่ความโน้มถ่วง (6.672 x 10-8 cm3 g-1 s-2)
M คือมวลของร่างกายตัวแรก
m คือมวลของร่างกายที่สองและ
r คือระยะทาง ระหว่างจุดศูนย์กลางมวลทั้งสอง
แรงยกได้รับจาก:
แรงลอเรนซ์: แรงบนวัตถุ = แรงไฟฟ้า + แรงแม่เหล็ก
F = qx E + qxvx B
โดยที่
q คือประจุบนวัตถุ
B คือสนามแม่เหล็ก
v คือความเร็วของวัตถุและ
E คือสนามไฟฟ้า
กองกำลังเหล่านี้เปรียบเทียบได้อย่างไร? แรงแม่เหล็กไฟฟ้านั้นแข็งแกร่งกว่าแรงโน้มถ่วงโดยตัวประกอบประมาณ 2,200,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000 เท่า ตัวเลขนั้น (2.2 x 1039) ใหญ่เกินกว่าที่ใครจะมองเห็นได้จริงๆขอผมบอกอีกแบบนะ
หากปริมาณพลังงานที่ใช้ในการยกวัตถุโดยใช้เครื่องจักรเป็นระยะทางหนึ่งในร้อยของนิ้ว (หนึ่งในสี่ของมิลลิเมตร) จากพื้นดินถูกใช้เป็นแรงยกแม่เหล็กไฟฟ้าพลังงานจำนวนนั้นจะยกวัตถุได้มากกว่า 3,472,222,000,000,000,000,000,000 ห่างจากพื้นดินหรือเป็นหน่วยเมตริกมากกว่า 5,588,001,700,000,000,000,000,000 กิโลเมตรจากพื้นดิน ไดรฟ์ชนิดนี้เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไดรฟ์ประเภท Hall-effect นี้หากใช้ในยานอวกาศจะต้องใช้พลังงานอินพุตเพียงเล็กน้อยในการขับเคลื่อนเรือด้วยความเร็วสูงและในระยะทางไกล
เนื่องจากอุปกรณ์ที่แสดงด้านบนทำงานโดยตรงบนช่องว่าง - เวลาซึ่งเจาะทุกสสารดูเหมือนจะไม่มีเหตุผลว่าทำไมจึงไม่ควรใช้ในการขับเคลื่อนยานพาหนะทั่วไปโดยวางตำแหน่งในแนวนอนแทนที่จะเป็นตำแหน่งแนวตั้งที่แสดงใน แผนภาพ การทำงานของคันเร่งอาจทำได้โดยการปรับความถี่ของพัลส์ AC ที่ใช้กับแผ่นโลหะเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม Bill Lyne ระบุว่าการเคลื่อนที่ในแนวนอนทำได้ดีกว่าโดยการผลิตพัลส์กระแสตรงความถี่สูงที่สั้นและแรงดันสูงของ Tesla ที่ด้านหน้าของรถในขณะเดียวกันก็สร้างคลื่น AC ความถี่สูงแรงดันสูงที่ด้านหลังของ ยานพาหนะ. รูปแบบของการขับขี่นี้กล่าวกันว่าเป็นการดึงรถไปตามแทนที่จะผลักไปตามนั้น
ทฤษฎีแรงโน้มถ่วงแบบไดนามิกของ Tesla (1897) กล่าวว่าร่างกายทั้งหมดปล่อยไมโครเวฟซึ่งแรงดันไฟฟ้าและความถี่ถูกกำหนดโดยเนื้อหาทางไฟฟ้าและการเคลื่อนที่แบบสัมพัทธ์ เขาวัดการแผ่รังสีไมโครเวฟของโลกว่ามีความยาวคลื่นเพียงไม่กี่เซนติเมตร เขากล่าวว่าความถี่และแรงดันไฟฟ้าได้รับอิทธิพลจากความเร็วและมวลของโลกและปฏิสัมพันธ์ของมันกับวัตถุอื่น ๆ เช่นดวงอาทิตย์ถูกกำหนดโดยปฏิสัมพันธ์ของไมโครเวฟระหว่างทั้งสองร่าง
หากคุณพบว่าแนวคิดในการสร้างแรงผลักดันผ่านการผลักดันให้เกิดความต่อเนื่องของห้วงเวลาอวกาศจนยากที่จะยอมรับบางทีคุณควรพิจารณาสิทธิบัตรของสหรัฐอเมริกาที่มอบให้กับบอริสโวล์ฟสันเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 สิ่งสำคัญเกี่ยวกับสิทธิบัตรนี้ (ซึ่งก็คือ อัดแน่นไปด้วยคำยาว ๆ ) ไม่ใช่ว่าจะนำเสนอกลไกที่เป็นจริงสำหรับการขับเคลื่อนพื้นที่ที่ใช้งานได้จริงหรือไม่ แต่ความจริงที่ว่าสำนักงานสิทธิบัตรของสหรัฐอเมริกาในปี 2548 ได้รับสิทธิบัตรหลังจากสิ่งที่น่าจะได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบ ด้วยมุมมองดังกล่าวแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ Tesla จะรู้สึกสับสนอย่างสิ้นเชิงเมื่อเขาออกแบบ (และสร้าง) "เครื่องบินไฟฟ้า" ของเขาซึ่งทำงานโดยการผลักดันสนาม - เวลาอวกาศ
Tesla ใช้ไฟฟ้าแรงสูงที่ความถี่กิกะเฮิรตซ์สำหรับระบบอิเล็กโทรพัลชันของเขา การขับเคลื่อนของยานพาหนะที่ขับเคลื่อนโดยเทสลาไดรฟ์นั้นเกิดจากการใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับเพิ่มเติมที่ด้านหลัง (ซึ่งทำให้ความต่อเนื่องของเวลาว่างด้านหลังรถแข็งขึ้น) และเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสตรงที่ด้านหน้า (ซึ่งทำให้พื้นที่อ่อนตัวลง - เวลาต่อเนื่องด้านหน้าทำให้รถถูกดึงไปข้างหน้า)
Tesla ฉลาดมาก เขาอนุมานได้ว่า 'พื้นที่ว่าง' มีอยู่จริง:
1. พาหะอิสระซึ่งซึมผ่านพื้นที่ทั้งหมดและทุกสสารและจากที่สร้างสสารทั้งหมดสิ่งเหล่านี้มีโมเมนตัมแม่เหล็กไฟฟ้าหรือแรงแม่เหล็กไฟฟ้าและสามารถจัดการได้โดยเทียมหรือโดยธรรมชาติ
2. 'Primary Solar Rays' (แสงดาว) ซึ่งเดินทางด้วยความเร็วแสงมีความถี่สูงกว่ารังสีเอกซ์แกมมาและรังสียูวี
3. 'รังสีคอสมิก' อนุภาคในอวกาศที่ขับเคลื่อนโดยรังสีสุริยะขั้นต้น
4. รังสีเอกซ์รังสีแกมมาและคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า UV ซึ่งทั้งหมดนี้เดินทางด้วยความเร็วแสง
5. คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มองเห็นได้ทั่วไปและอินฟาเรดซึ่งเดินทางด้วยความเร็วแสง
6. แรงไฟฟ้าสถิตที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วซึ่งมีศักยภาพมหาศาล ที่เล็ดลอดออกมาจากโลกและวัตถุแรงโน้มถ่วงอื่น ๆ ในอวกาศ
เมื่อเราเข้าใจธรรมชาติที่แท้จริงของจักรวาลจะเห็นได้ชัดว่าเรามีโอกาสมากมายในการผลิตพลังงานที่ใช้งานได้ในปริมาณมากและเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด”
อ้างอิง: Tall white aliens
เราเชื่อในการมีอยู่จริง UFO-EBE-D1-6-X-ESP 22.05.2564
◇
How to Build a UFO?
МАРТ 27, 2017
Maybe the title’s “antigravity spaceship” aim is too high (it’s a long way ’till there), but Tesla, followed by other scientists along the last century, discovered the principle of propulsion using strong electromagnetic fields. It’s not about traveling on the ground, but from the ground up, with extraordinary speed and ease.
The entire document is posted on panaceauniversity.org/D8.pdf, here is a short description of what the “spaceship” does and how it can be built, as described by Patrick J. Kelly (update: the document I mentioned in 2008 doesn’t exist anymore) :
“Tesla performed an experiment in which he applied high-voltage high-frequency alternating current to a pair of parallel metal plates. He found that the ‘space’ between the plates became what he described as “solid-state” exhibiting the attributes of mass, inertia and momentum. That is, the area transformed into a state against which a mechanical push could be exerted. This implied that, using this technique, it should be possible to produce a spaceship drive anywhere in space, if the mechanism for thrusting against the ‘solid-state’ space could be determined. Further experiments convinced Tesla that powerful electromagnetic waves could be used to push against (and pull against) what appears to be ’empty space’. The drive principle is based on the Hall-effect used in semiconductor magnetic sensors, and is called the magnetohydrodynamic (“MHD”) effect. This might be illustrated like this:
Here, a box is constructed with two metal plates forming opposite sides and two insulating plates holding them in position and surrounding an area of ‘space’. High-frequency, high-voltage alternating current is applied to the metal plates and this creates an electric field “E” acting between the plates as shown in black.
A magnetic field “B” is generated by the electrical field. The magnetic field acts at right-angles to the electric field, as shown in blue. These two fields produce a propulsion thrust “F” shown in red in the diagram. This propulsion force is not produced by ejecting any matter out of the box, instead, it is produced by a reaction against the ‘solid-state’ condition of space-time caused by the high-frequency electromagnetic pulsing of that area of space. This is enormously more effective than a jet engine. The thrust increases with the fourth power of the frequency, so if you double the frequency, the effect is sixteen times greater.
To put this into perspective, consider the force being applied against gravity to lift an object into the air. The force pulling the object downwards is gravity and its strength is given by:
Gravitational force:
F = g x M x m / r2
where
G is the gravitational constant (6.672 x 10-8 cm3 g-1 s-2)
M is the mass of the first body
m is the mass of the second body and
r is distance between the two centres of mass
The lifting force is given by:
Lorentz Force: Force on an object = Electric force + Magnetic force
F = q x E + q x v x B
where
q is the charge on the object,
B is the magnetic field,
v is the velocity of the object and
E is the electric field
How do these forces compare? Well, the electromagnetic force is stronger than the gravitational force by a factor of about 2,200,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000 times. That number (2.2 x 1039) is too big for anybody to really visualise, so let me put it another way.
If the amount of energy used to mechanically lift an object a distance of one hundredth of an inch (one quarter of a millimetre) off the ground, were used as an electromagnetic lifting force, then that amount of energy would lift the object more than 3,472,222,000,000,000,000,000,000 miles off the ground, or in metric units, more than 5,588,001,700,000,000,000,000,000 kilometres off the ground. This kind of drive is an entirely different kind of animal. This Hall-effect type of drive if used in a spaceship would require only a very small amount of input power to drive the ship at great speeds and over great distances.
As the device shown above operates directly on the space-time field which penetrates all matter, there would appear to be no reason why it should not be used to drive a conventional vehicle by positioning it in a horizontal position rather than the vertical position shown in the diagram. Throttle operation could be by very slight adjustment to the frequency of the AC pulses applied to the metal plates. However, Bill Lyne indicates that horizontal movement is better achieved by producing Tesla’s very short, high-voltage high-frequency DC pulses at the front of the vehicle while at the same time generating very high-voltage high-frequency AC waves at the back of the vehicle. This style of drive is said to pull the vehicle along rather than push it along.
Tesla’s Dynamic Theory of Gravity (1897) states that all bodies emit microwaves whose voltage and frequency are determined by their electrical contents and relative motion. He measured the microwave radiation of the earth as being only a few centimetres in wavelength. He said that the frequency and voltage were influenced by the velocity and mass of the earth, and that its gravitational interaction with other bodies, such as the sun, was determined by the interaction of the microwaves between the two bodies.
If you find the concept of producing a driving force through pushing against the space-time continuum to be difficult to accept, then perhaps you should consider the US Patent granted to Boris Volfson on 1st November 2005. The important thing about this patent (which is crammed full of long words) is not whether or not it presents a realistic mechanism for a practical space drive, but the fact that the US Patent Office in the year 2005, granted the patent after what presumably was careful consideration. With that in view, it is hardly possible to consider Tesla to have been totally confused when he designed (and built) his “electric flying machine” which operated by pushing against the space-time field.
Tesla used high voltage at gigahertz frequencies for his electropulsion system. The propulsion of a vehicle powered by a Tesla drive is by the use of an additional AC generator at the back (which stiffens the space-time continuum behind the vehicle) and a DC ‘brush’ generator at the front (which weakens the space-time continuum in front, causing the vehicle to be pulled forwards).
Tesla was very astute. He deduced that ’empty space’ actually contained:
1. Independent carriers which permeate all space and all matter and from which all matter is made. These carry momentum, magnetism, electricity or electromagnetic force, and can be manipulated artificially or by nature.
2. ‘Primary Solar Rays’ (starlight) which travel at the speed of light, having frequencies far above X-rays, gamma and UV radiation.
3. ‘Cosmic Rays’, particles in space propelled by the Primary Solar Rays.
4. X-rays, Gamma rays and UV electromagnetic waves, all of which travel at the speed of light.
5. Ordinary visible and Infra-Red electromagnetic waves which travel at the speed of light.
6. Rapidly varying electrostatic force of enormous potential, emanating from the earth and other gravitational bodies in space.
When we grasp the actual nature of the universe, it becomes clear that we have a much larger range of opportunities for producing usable energy in large quantities and at minimal cost.”
Source: Tall white aliens
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น